Skip to content

เหตุเสื่อมของกรรมฐาน

หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย

| PDF | YouTube | AnyFlip |

…มีปัญหาอะไรบางอย่าง เราก็ได้แก้ปัญหากันซะก่อน ในเมื่อปัญหาต่างๆมันเรียบร้อยดีแล้ว เราก็จะวกหันเข้ามาธรรมะกันต่อไป คือตอนนี้สถานที่ทิ้งขยะของเรานี่รู้สึกว่า แหม! เอาไม่ไหวเลย เอาไม่ไหว ถ้าอย่างนี้เรื่อยไปละก็ คงแย่ แขกเหรื่อที่ไปทานอาหาร ไปได้กลิ่นขยะแล้วก็คงจะกลืนข้าวไม่ลงกันซะแล้ว เพราะฉะนั้นอยากจะให้เลิกทิ้งขยะตรงนี้ แล้วก็จะมอบหมายให้ท่านอาจารย์สุวิทย์ ท่านอาจารย์สมภารเริ่มดูตรงนี้ เริ่มดูใหม่ สำหรับจำพวกดอกไม้ที่เสีย เอาไปทิ้งทางนี่ก่อน เอาไปทิ้งทางโน้นที่เราเคยทิ้งนั่นแหละ ทีนี้การล้างกระโถนนั้น เราต้องพยายาม อย่าไปเทไปล้างกันที่นี้ ที่นี้ตรงนี้เลิกกันแล้ว ทีนี้พระเณรต้องช่วยกัน ช่วยกันหาวิธีเอากระโถนไปล้างของเก่าเรา ตรงที่ไปล้างบาตรดีกว่า เอาไปล้างทางโน้น

ทีนี้ทางคณะแม่ครัวก็ลองดูก็แล้วกัน เราจะเอาที่ตรงไหน เราจะขุดตรงไหน พอมันเต็มแล้วก็ฝังซะ ตามธรรมเนียมของเราทั่วๆไป พระกรรมฐาน ทั่วไปนั้นท่านจะต้องขุดหลุดเทขยะ แล้วก็เทลงไป พอเต็มก็กลบ ขุดใหม่ อันนี้ก็ลองหาที่ดูซิว่าจะเหมาะตรงไหน แล้วก็ให้เลิกทิ้งตั้งแต่พรุ่งนี้ตรงเนี้ย พวกผักนี่ก็ไม่ใช่เบานะ เหม็น เหม็นไม่ใช่เบาทีเดียวแหละ เพราะฉะนั้นต้องหาสถานที่เท และเพื่อจะกลบกันเรื่อยๆ อันนี้ให้เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ตรงนี้ก็ให้เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ถ้ามองเป็นสิ่งที่น่าเกลียด ก็เอาเด็กๆเข้ามาช่วยเคลียร์ๆๆ มองแล้วให้มันงามตาซักนิดนึง ตอนนี้มองแล้วไม่งามตาเลย อันนี้อันนึงหละนะ 

แล้วก็อันต่อไป ของใช้ของสอยภิกษุสามเณร ทิ้งกันเกลื่อนกลาด แม้แต่ผ้าสังฆาฏิอยู่ข้างบน ทิ้งกันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อันนี้ก็รู้สึกไม่สวยเลย พอฝนตกก็วิ่งหาร่มกันตาแหก พอฝนไม่มีหละก็ทิ้งกันเกลื่อนหมด พระกรรมฐานเหล่านี้มีความละเอียดละออ ของใช้ของสอยต้องถือติดไม้ติดมือ ไม่ได้ทิ้งไม่ได้ขว้าง พระกรรมฐานเราจะไปไหนมาไหนต้องเรียบร้อย บริขารพร้อม ยิ่งผ้าสังฆาฏิละก็ โอ้โหย ยิ่งสำคัญ เอามาทิ้งกันไว้อย่างนั้น มองแล้วทุเรศ อันนี้อันหนึ่ง ขอให้พระใหม่เณรใหม่ ตลอดถึงพระเก่าที่เลินเล่อให้ช่วยกันระมัดระวัง 

แล้วก็คำอธิษฐานนั้นหากในเมื่อเรียบร้อย เราก็เอาลงมาอ่าน พยายามเร่งมือเข้า เอาของพระของเณร ของแม่ชี ผู้ปฏิบัติธรรม​ โยมวัด ทีนี้อ่านสู่กันฟัง ถ้าวันพระ เอาญาติโยมชาวบ้านอ่าน ถ้าเลยวันพระ เอาเรื่องของพวกเรามาอ่านกันก็แล้วกัน เราจะได้ฟังกันว่าท่านผู้ใด พระภิกษุสามเณรองค์ใดอธิษฐานว่ายังไงบ้าง ผมก็อยากฟัง และแม่ขาวนางชี และผู้ประพฤติธรรมอธิษฐานยังไง โยมวัดของเราอธิษฐานยังไง ก็อยากฟังเหมือนกัน อยากจะฟังเพราะฉะนั้นก็ขอให้รีบๆเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่ใช่เร่งเหลือเกิน ถ้าหากว่ามันพอเป็นไปได้ เราก็มาเริ่มกัน อันนี้แต่อันที่รีบที่สุดก็คือ เกี่ยวกับสถานที่ทิ้งขยะ ต้องรีบทีเดียว ปกติสมัยก่อนเราก็เอาดอกไม้ไปทิ้งทางนู้น เราก็ทิ้งทางนู้นเสีย ส่วนขยะทางนี้น่ะให้เลิกต่อไป ให้รีบทันที อันนี้ด่วนที่สุด ด่วนจี๋เลยทีเดียว ตอนนี้ไม่ไหวเลยกลิ่น หายใจไม่ออก ผ่านไปใกล้ไม่ได้เลย เหม็นจริงๆ อันนี้ต้องแก้ไข พรุ่งนี้ฮะ ต้องขอความช่วยเหลือให้เด็กมาโกยลง วันพระนี้ให้กลิ่นมันค่อยๆสงบลงมาหน่อย อันนี้เป็นปัญหารีบด่วนที่สุด

ปัญหารองลงมาก็เกี่ยวกับบริขารของใช้ต่างๆของพระเณร ซึ่งเก็บไม่เป็นระเบียบเนี่ย สำคัญที่สุด ผมขี้เกียจจะไปหาหอบหาแบกร่ม ขนกันไม่หวาดไม่ไหว ครับ อันนี้ขอร้องเถอะครับ ขอร้อง 

ความเสื่อมนั้น หลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระท่านสอนไว้ว่า เข้าไปวัดใดก็แล้วแต่ ให้สังเกตดูก็แล้วกัน ถ้ากรรมฐานมันเสื่อมแล้วนั่นให้พยายามมอง เสื่อมมากน้อยขนาดไหนก็ให้ดูเอง ถ้าเข้าไปหน้าฤดูฝน จำพวกร่ม วันไหนฝนไม่ตก เกลื่อนอยู่ในศาลา หรือบางทีขี้เกียจเอาไป ตกหรือไม่ตกไม่รู้ ทิ้งเกลื่อน พอถึงเวลาก็วิ่งหากันตาแหก นี่ก็เริ่มแล้ว เริ่มแล้วเนี่ย เริ่ม เริ่มมาทีเดียวแล้ว

อันที่สอง กาน้ำ เวลาเอามาฉัน ไม่ถือมาด้วย เวลาขึ้นไป ไม่ขึ้นไปด้วย มาเก็บผ้าหาใส่แล้วก็ฉันเสร็จแล้วก็ทิ้งเลย เกลื่อนกลาดอยู่ในศาลานั้น คอยสังเกตเถอะ กรรมฐานเสื่อมสุดไป แล้ว ลงไปแล้ว เริ่มแล้ว แล้วต่อไปถ้ายิ่งเห็นบาตรเรียงกันอยู่ในศาลาละก็ ซวยแล้ว! อันนั้นเสื่อม เสื่อมแทบจะไม่เหลือแล้ว ยิ่งถ้าบาตรไม่มีตลก คว่ำบาตรเกลื่อนกลาด ก็ยิ่งดูไม่ได้ ยิ่งมีตะปูตอกต้นเสา บาตรเกาะเรียงแถวแล้วก็ ไม่เอาเลย ไม่ต้องพูดถึง! ความเป็นสมณะนั้นแทบจะไม่มีอะไรเหลือเลยแล้ว อันนั้น 

ท่านถึงบอกว่าเราเข้าไปวัดใดก็แล้วแต่ หนึ่งความสะอาดสะอ้านพื้นที่ ขึ้นมาข้างบนดูหยักไย่แมงมุม อันนี้เป็นหลักที่จะต้องสังเกต ถ้าพื้นที่สะอาดสะอ้านดี หยักไย่แมงมุมที่สถานที่อยู่ดีสะอาดสะอ้าน ไม่มีอะไรปรากฏ อันนี้เป็นหลักที่ต้องดูอันหนึ่ง เข้ามาในศาลา ไม่มีบาตร ไม่มีกาน้ำ ไม่มีสมณะบริขารทิ้งเกลื่อนกลาด ต่างองค์ต่างก็ถือติดมือไป อันเนี้ย ท่านบอกว่าหมดจดเหลือเกิน ประเสริฐมาก ณ สถานที่นั้นให้ถือเป็นเพื่อนสหธรรมิกผู้ปฏิบัติธรรมร่วมกันได้ ถ้าไม่งั้นก็อย่านะ ใช้ไม่ได้ อันนี้ ต้องสังเกตเถอะ ของเรานี่เริ่มมากโดยทีเดียว เริ่มมาก มาสังเกตดูบริขารของใช้ ร่มเวลานี้ขนไม่ไหว วันนี้ผมขนสองเที่ยวแล้วนะ แบกไปไม่ไหว แบกไปเก็บ พอฝนตกก็วิ่งหาตาแหกหละ อันเนี้ย ดูๆแล้วก็รู้สึกชักจะเริ่ม เริ่มๆแล้ว สมัยก่อนกาน้ำทิ้งเกลื่อนกลาด ไม่ถือติดมือไปด้วย เวลานี้ก็พอดีหน่อย ถือติดไม้ติดมือกันไปบ้าง อันนี้พวกเราต้องรักษา ข้อสังเกตมันต้องไล่จากพวกเนี้ยไปเรื่อยๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ห่อผ้าครองนี้ โอ้โฮ วินัยนี่รัดกุมเหลือเกิน การรักษาผ้าครองมีลักษณะยังไง เป็นยังไงนั้น ทำไมถึงจะเว้นได้ เฉพาะมีอานิสงส์พรรษาและเว้นได้เฉพาะอานิสงส์กฐิน ซึ่งสามารถฝากผู้อื่นได้ซะด้วยนะ ฝากผู้อื่นได้ซะด้วย ไม่ใช่เอาไปทิ้งขว้างนะ ฝากเขาได้ซะด้วย ให้เขาเก็บรักษาให้ หากในเมื่อมีความจำเป็นจะไปในสถานที่ที่อาจจะเป็นอันตราย ถึงขนาดนั้น ถ้าไม่อย่างนั้นน่ะไม่มีทาง วินัยนี่แหม รัดกุมเหลือเกิน พระพุทธเจ้าหวงเหลือเกิน เป็นห่วง เพราะต้องการอยากให้พวกเรารู้จักรักษาของใช้ ให้เรียบร้อย รู้จักมัธยัสถ์ อันนี้เป็นอย่างนั้นนะครับ ก็ขอให้พยายามกันหน่อย

เวลานี้ระเบียบมันชักจะเริ่มเสีย ตลอดเดินเข้ามาก็เห็นพระเณรคุยกัน มองหน้ามองตากันยิ้มมั่ง คุยกันมั่ง จับกลุ่มกันมั่ง เป็นคู่ๆพวกๆ ผมว่ามันเริ่ม เริ่มหนักลงๆแล้ว สมัยก่อนพวกเราไม่มี เข้ามาก็มาอย่างสงบ นั่งก็นั่งกันอย่างสงบ การไปนั่งมองหน้ามองตากัน หัวเราะยิ้มย่อง หรือการไปพูดไปคุยกันนั้น รู้สึกพวกเราไม่ปฏิบัติกัน อยากรู้ดี ไปถามหลวงปู่หาญ (ชุติณฺธโร) ในยุคสมัยหลวงปู่มั่น เราจะชวนเรียกกัน เฮ้ยๆ มานี่ๆ ได้บ้างหรือเปล่า สะบัดผ้าปุบๆได้กันบ้างหรือเปล่า แม้แต่เราจะเหลาไม้จิ้มฟันหรือไม้ชำระ ถามหลวงปู่หาญเหอะ ถ้าไม่จริงอย่างผมว่า เอาผ้า(เทปขาดตอน) นั่งซีกหนึ่งแล้วก็เหลาขี้ตอกลงไปซีกหนึ่ง เสร็จเรียบร้อยจะหล่นลงไปซักนิดหนึ่งก็ไม่ได้ครับ รวมกันเสร็จเอาผ้าห่อ​ โน่นนะครับ เข้าหาจุดหรือมุม หรือว่าหลุมเทขยะ แล้วก็เทลงไป นะครับ ไม่ใช่ไปเห็นตรงไหนที่เรียกว่ารกๆก็โยนเข้าไปเลย ตรงซอกโน้นซอกนี้ ไม่มี ต้องหาหลุมขยะเป็นเกณฑ์ ดิ่งเข้าหาหลุมขยะ เทลงไปในหลุมขยะ สบายมาก ถามหลวงปู่ก็ได้ สบายมาก

การไอ การจาม การกระแอมต่างๆ โอ้ รักษาเหลือเกินนะครับ รักษาเหลือเกิน ก๊องๆแก๊งๆ ป๊องๆแป๊งๆไม่ได้! เงียบ เหมือนไม่มีคนนะครับ ทั้งวัด เงียบ! จริงๆ แม้แต่ต้องการจะตัดไม้ชำระ แค่เอาเลื่อยถูนะครับ ไม่มีเสียงดังมากมาย ต้องหลบให้พ้นจากรัศมีของเสียง หมู่คณะจะได้รับความสงบ เพราะมันบำเพ็ญกันทั้งวัน แล้วก็ผ่าเรียบร้อยซะก่อนนะครับ ใส่กระบุงหรืออาจจะใส่ผ้าอาบน้ำ ผ้าอาบน้ำนี่หละครับสารพัดประโยชน์ บางทีก็เอาเข่งไปใส่ เอากระบุงหรือตะกร้าไปใส่ เสร็จแล้วมาเดินจงกรม พอได้เวลานั่งเหลา ไม่มีเสียงครับ นั่งคอยเหลาแจ๊บๆๆๆ จะเอาวันละเท่าไหร่ เนี่ยหลวงปู่หาญกับผมนี่นั่งตีคู่กันตลอด มักจะปรึกษากับเรา จะเอาเท่าไหร่วันนี้ องค์ละร้อยนะ องค์ละร้อยละกัน เสร็จแล้วก็เก็บ เป็นอันว่าขี้ตอกไม่มีหล่นแม้แต่เส้นหนึ่ง ไม่มีนะครับ ต้องห่อไปเท เสร็จแล้วก็เดินจงกรมต่อ ทำอย่างอื่นต่อ จะเอาไม้จิ้มฟันก็ต้องมาคุยกันว่าจะเอาเท่าไหร่วันนี้ ร้อยนึงนะ ร้อยนึงเอา ครบร้อยอยู่ เดินจงกรมนั่งสมาธิต่อ 

และในระหว่างทำงานจะไปคุยกันก็ไม่ได้ เงี๊ยบเงียบครับ เรามีความจำเป็นจะบอกเล่าเก้าสิบอะไรกันเนี่ย เราจะไปคุยกันปุ้งปั้งๆไม่ได้ อย่างมากก็หาหูกระซิบเท่านั้นเองครับ ได้แค่กระซิบเท่านั้นครับ โอ้โห ไม่ใช่เบานะครับ! สมัยกระโน้น วินัยนะครับ ยังว่าด้วยว่า ภิกษุเข้าไปในห้องน้ำออกมา ปรากฏว่าน้ำสกปรก ต้องการจะยกตุ่มน้ำลงไปเทในสถานที่ควร ไม่มีความสามารถเอาไปโดยลำพังตนเองได้ ในเมื่อพวกเขาเหลียวมาหรือมองมา กวักมือเอา แต่จะตะโกนเรียก “เฮ้ยๆ มาช่วยกันหามตุ่ม” ถ้าภิกษุใดตะโกนเป็นอาบัติทุกคำครับ 

นี่ครับอันนี้ไม่เบานะครับ ไม่เบาทีเดียว เพราะฉะนั้นการรักษาความสงบพอสมควร โอ้ ครับ! ถ้าจะว่าตามหลักการปฏิบัติ ดูวินัยเถอะ เดี๋ยวอ่านไปเรื่อยๆครับ อ่านไปเรื่อยๆ ฟังกันไปเรื่อยๆ ละเอียดละออ ศาสนาพุทธของเราเต็มไปด้วยระเบียบ ระเบียบทุกอย่างต้องมีระเบียบรัดกุมคุมไปหมด อะไรที่ไม่มีระเบียบรัดกุมนั้น อันนั้นไม่ได้ใช้เลยครับ 

แม้แต่การสูบบุหรี่ การฉันหมาก การปฏิบัติกับหมาก การปฏิบัติกับบุหรี่ไม่มี อันนั้นแปลว่าไม่ใช้เลย ไม่มีเลยในครั้งพุทธกาล เพราะจึงไม่มีระเบียบเข้ามาเกี่ยวข้อง อะไรที่มีระเบียบเข้ามาเกี่ยวข้องอันนั้นแหละครับ มีอยู่ ใช้อยู่ เป็นอยู่ครับ ทุกอย่างนี่ โอ้โฮ ดูเถอะครับ ฟังไปเรื่อยๆครับ เรื่องวินัยฟังไปเรื่อยๆ จะรู้ว่าศาสนาพุทธของเรามีระเบียบรัดกุม คุมหมดทุกกิริยาอาการ ให้พระภิกษุสามเณรมีความเป็นอยู่ด้วยความสม่ำเสมอกัน จนกระทั่งการเดิน การลุก การเหิน มองซ้ายแลขวา การพูดการจาทุกกิริยาอาการนั้น อู้ย! น่าดูครับ 

แถมยังไม่พอ การพูดการคุยกันเนี่ยหนัก มีเสียงอยู่องค์เดียวคืออาจารย์เท่านั้น นอกนั้นมีปากแทบจะไม่ต้องพูดอะไรกัน มีเสียงอยู่องค์เดียวแค่อาจารย์ เหมือนไก่ป่าขันแจ้กๆๆ แจ๊ แจ๊กๆๆ นึกว่าเสียงมีตัวเดียว ไปดูเถอะครับ เป็นฝูงเลยครับ ไก่ป่าเยอะ 

แต่ไก่บ้านหละเสียงขันระงมไปหมดครับ ไก่ตัวเมียมันก็ขันนะครับ ตบปีกแจ๊กๆๆ ขันไม่ได้เป็นเสียงเหมือนตัวผู้ มันก็ขัน ตัวเล็กตัวน้อยขันเป็น ขันด้วยกัน ขันไม่เป็นเสียงไม่เป็นภาษาก็ขัน ขันมันทั้งนั้น จนกระทั่งตัวที่ขันดี ออกเสียงชัดเจน เรียกว่าไก่ขันก็มี แถมร้องแจ๊กๆจ๊ากๆทั้งนั้น เอาด้วยกัน เสียงระงมนึกว่ามันจะเป็นแสนสองแสนตัว ที่ไหนไปถึงได้ เก้าตัว สิบตัว แตกต่างจากไก่ป่า ไก่ป่าตัวเมียไม่มีขันเด็ดขาด ไก่บ้านตัวเมียก็ขัน ตัวผู้ก็ขัน ตัวเล็กตัวน้อยขันหมด 

แต่ไก่ป่าไม่ ขันอยู่ตัวเดียว แก๊กๆๆๆ ตัวเมียไม่มีโอกาสขัน ตัวเล็กตัวน้อยไม่มีโอกาสขัน ขันอยู่ตัวเดียวเท่านั้น ฉันใดพระป่านี่มีเสียงอยู่แค่ครูบาอาจารย์ซึ่งจะบอกเล่าเก้าสิบแนะนำพวกเรา ผู้อื่นจะไปหากัน จะไปอะไรกัน สัพเพเหระนั้น ไม่มีหรอกครับ สมัยก่อนโน้น โอ้โหย! เดินกันไปไม่รู้กี่สิบหรอกครับ ไม่มีเสียง เงียบ! ไม่ได้คุยกันโขมงโฉงเฉง ไม่ได้มีอะไรหรอกครับ เงียบ คิดดูจะคุยกันเนี่ย หลวงปู่หาญนี่ หลวงปู่อำพันนี่ หลวงปู่หาญนี่เคยเกี่ยวข้องกับหลวงปู่มั่น เคยร่วมกัน เคยเกี่ยวข้อง ถามดูก็แล้วกันครับ จะไปคุยกันนี่ไม่มีครับ กระซิบๆ กระซิบกันใส่หูแล้วก็แล้วกันไป 

จะไปคุยกันโขมงเขมง นอกจากวันนี้เป็นวันสำคัญ เราจะคุยกันเกี่ยวกับธรรมะ เวลานี้มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับธรรมะบ้าง จะคุยกัน เราต้องหลบไปในมุมสงบ ไม่ให้เสียงกระทบกระเทือนผู้อื่นมานั่งวิจัยกัน ในลัทธิข้อปฏิบัติอันที่ถูกที่ต้องและเพื่อเป็นการชวนกันปฏิบัติครับ แต่ว่าไม่ให้กระทบกระเทือนผู้อื่น ต้องหามุมสงบ หรือเข้าป่าช้าอย่างนี้เป็นต้นครับ อันนี้ครับหลักการปฏิบัติมาสมัยก่อน 

ตกมาสมัยนี้กรรมฐานมันชักจะแปรปรวนหรือเปลี่ยนไป รูปร่างของกรรมฐานผิดรูปผิดร่างไปหมด ครับ มันไม่เหมือนครั้งสมัยกระโน้น ฉะนั้นผมอยากให้พวกเราเนี่ยรักษาระเบียบกรรมฐานให้ยืนยงคงอยู่บ้าง อย่าไปปล่อยกันให้มากนักเลย เวลานี้มันชักจะหมดแล้วนะครับ ครูบาอาจารย์ผู้เป็นพ่อกรรมฐานทั้งหลายเหล่านั้นชักจะเสื่อมโทรมเนื่องจากไปหานอนบ้านคนนู้น ไปหานอนบ้านคนนี้ ไปหาคุยบ้านนั้น ไปหาคุยบ้านนี้ ไม่เข้าวัดเข้าวาแล้วครับเดี๋ยวนี้ สมัยก่อนเข้าป่า เดี๋ยวนี้เข้าบ้านครับ กรรมฐานไปหานอนตามบ้านคน เสือมันชอบอยู่ในป่า เข้ามาหานอนในบ้านคน หมดความศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครกลัวแล้วครับเดี๋ยวนี้ ไปหานอนตามบ้านเค้า ไปแต่ละบ้านอันนี้ห้องนี้ ขององค์นี้ห้องนั้น ขององค์นั้น ฟังแล้วมันเศร้าสลด 

เวลานี้มันเสื่อมสุดอย่างดูไม่ได้ เพราะฉะนั้นพวกเราควรพากันรักษาและก็ระเบียบธรรมเนียมอะไรต่างๆ ควรยืนหยัดกันให้เข้มแข็ง อย่าประมาทครับ ผมขออาราธนานิมนต์ ขอให้สมบัติอันนี้คงอยู่ เพื่อกุลบุตร กุลธิดา ลูก เหลน หลานได้ดูบ้างครับ อย่าให้มันหมดเลยทีเดียว พวกเราพยายามแข็งขันกัน รักษาไว้ 

ตลอดการฉัน ฉันในบาตรก็ฉันในบาตรกัน มื้อเดียวก็มื้อเดียวจริงๆ! เอาให้มันจริงจังดูซิ ให้มันหลงเหลืออยู่บ้าง กุลบุตร กุลธิดา ลูก เหลน หลาน เค้าจะได้ดู ธรรมเนียมของพระตั้งแต่สมัยพุทธกาลท่านดำเนินยังไง ถึงแม้ของเราไม่ได้ ๑๐๐​เปอร์เซ็นต์ ซัก ๒ ๓ เปอร์เซ็นต์ก็ยังดี ดีกว่าไม่มีอะไรติดเลยครับ ควรพยายามกัน อันนี้ผมขออาราธนานิมนต์ครับ เอาหละครับวันนี้ผมก็คุยมาก็ชักจะยาวแล้ว ผมก็ขอยุติแค่นี้ครับ