หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
ณ บัดนี้ขอเจริญพรท่านสาธุชนทั้งหลายที่ได้มารับพรกันในวิหารนี้ ในเบื้องต้นพากันมุ่งหน้าออกจากกรุงเทพมาเชียงใหม่ ตั้งจิตตั้งใจพากันมาสร้างคุณงามความดี ในปุพพเจตนาเบื้องต้น ทุกคนที่อยู่บ้านของตนก่อนจะออกเดินทางมาคงจะมีเจตนาศรัทธาแก่กล้า การเสาะแสวงหาซึ่งสิ่งของจะมาทำบุญทำทานการกุศลนั้น คงทำจิตใจของตนให้แช่มชื่นเบิกบานในการบุญการกุศลผลทานอยู่ด้วยกันทุกคน
เมื่อจิตของเราทุกคนเป็นกุศลชั้นนี้แล้ว จึงได้พากันตั้งจิตตั้งใจได้หาสิ่งของผ้าผ่อนท่อนสไบ เครื่องสิ่งของต่างๆที่จะสร้างกองการกุศลผลบุญเอาไว้เป็นที่พึ่งของตน จิตทุกคนเป็นกุศลเป็นคุณงามความดี จิตมีความสุขเกิดขึ้น เรียกว่า จิตเต ปสันเน จิตแช่มชื่นเบิกบานในคุณงามความดีที่ตนเองจะกระทำนั้น ตั้งแต่ในเบื้องต้นแล้วเป็นคุณงามความดีเป็นกุศลมีขึ้นในจิตใจทุกคนเช่นนั้นแล้ว บัดนี้จึงได้พร้อมเพรียงกัน จัดรถจัดเรือออกเดินทางมาด้วยความปลาบปลื้มใจของตนเอง หรือมีความชื่นใจของตนเอง ออกเดินทางว่าตนเองจะออกไปแสวงหาสร้างซึ่งคุณงามความดีเอาไว้เป็นที่พึ่งของตน จิตทุกคนหากมีกุศลเกิดขึ้นเช่นนี้แล้ว ก็เลยพากันเดินทางมาด้วยความสะดวกสบายใจ มากับบุญกับกุศล
เมื่อหากทุกคนไปถึงสถานที่วัดใดก็ดี ที่ได้ไปมาแล้วนั้น จนพากันมาถึงสถานที่นี่ มาถึงวัดนี้บัดนี้ก็ได้พากันตั้งจิตตั้งใจ ได้พากันรับศีล สมาทานศีลให้ตนเองเป็นผู้มีศีลเกิดขึ้นในตนพร้อมเพรียงแล้ว วัตถุไทยทานของตน ทั้งปัจจัยและผ้าผ่อนท่อนสไบนั้นก็ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ เป็นวัตถุบริสุทธิ์ ก็ได้พร้อมเพรียงกันกล่าวคำถวายเป็นผ้าไตรจีวรบังสุกุลและจีวรเกิดขึ้นถวายแก่สงฆ์ ปลงจิตปลงใจเสียสละบริจาคกองการกุศลผลบุญของตน ตามมักมาหาได้ มีน้อยทำไปตามน้อย มีมากก็ทำไปตามมากของตนเองที่จะเสียสละบริจาค สร้างกองการกุศลผลบุญนั้น
บัดนี้เมื่อพากันกล่าวคำถวายทานด้วยความเคารพนอบน้อมในกองการกุศลผลบุญของตนเอง เรียกว่า มุญจนเจตนา ในท่ามกลาง พากันกล่าวคำก่อสร้างถวายเป็นสังฆทานด้วยจิตแช่มชื่นเบิกบานในการบุญการกุศลผลทานของตนเองอยู่ ในท่ามกลางเช่นนี้ก็ได้ถวายได้ด้วยความเคารพ ผ้าบังสุกุลและปัจจัยของตนเองที่ได้ตั้งเอาไว้ด้วยความเลื่อมใสในบุญในกุศล ที่ตนเองได้กระทำนั้นเรียกว่ามุญจนเจตนาในท่ามกลางพากันสร้างความดีด้วยความปลื้มปีติยินดีในบุญในกุศลของตนเองที่ทำนั้น
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสรรเสริญว่าบุคคลเกิดขึ้นมาแล้วได้พากันสร้างคุณงามความดี เอาไว้เป็นที่พึ่งของตน ชีวิตก็มีคุณค่า มีสาระ มีประโยชน์ มีผลเกิดขึ้นในชีวิตของตนแต่ละบุคคลที่ได้สร้างความดีเอาไว้ บัดนี้หากทุกคนได้พากันได้รับพรไปแล้วหากไปยืนเดินนั่งเดินนอนอยู่ที่ใดก็ดี ก็ขอให้นึกถึงบุญกุศลที่ตนเองได้กระทำเอาไว้ ทำใจของตนให้แช่มชื่นเบิกบานในการบุญการกุศลผลทานที่ตนเองได้บริจาคไปแล้วนั้น ก็เรียกว่า อปราปรเจตนา เจตนาที่บุคคลได้ทำสุดท้าย
ในทั้งสามอย่างนี้ ตั้งแต่ปุพพเจตนาเบื้องต้น ทุกคนจิตเป็นกุศลแล้วดังได้กล่าวมานั้น ในท่ามกลางเรียกว่า มุญจนเจตนา ได้ถวายของทานด้วยความเคารพ วัตถุไทยทานก็บริสุทธิ์ ตนเองก็เป็นผู้มีศีล ภิกษุผู้รับสังฆทานของตนเองก็เป็นผู้มีศีล บุญกุศลก็ได้ไพศาลอันใหญ่หลวง เป็นบุญกุศลอันได้มาก องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคทรงสรรเสริญว่าถวายเป็นสังฆทานได้บุญมาก พวกเราท่านทั้งหลายพระผู้พระภาคทรงตรัสไว้เช่นนั้น เราก็พากันตั้งจิตตั้งใจถวายเป็นสังฆทานไปแล้วก็คงจะได้ผลานิสงส์ตามจิตประสงค์จำนงตั้งเอาไว้ด้วยกันทุกคน
บัดนี้เราถวายไปแล้วอย่างนี้ เราก็ตั้งจิตใจอยากฟังธรรมเทศนาพอเป็นเครื่องประดับสติปัญญา เพิ่มพูนบารมีของแต่ละบุคคลให้สูงขึ้น เพราะการสร้างบุญสร้างกุศลนั้น เมื่อเราทำบุญทำกุศล รู้จักทำคุณงามความดีเอาไว้เป็นที่พึ่งของตนตามกำลังแล้ว ก็อยากฟังเทศน์ฟังธรรม เพื่อให้ได้ยินคุณงามความดีที่จะได้ประพฤติปฏิบัติให้เกิดให้มีขึ้นแก่ตนเอง การทำบุญทำทาน การกุศลนั้นก็ขอให้คณะศรัทธาทำความเข้าใจในการสร้างบุญสร้างกุศล คนที่ไม่มีศรัทธาก็ให้มีศรัทธา สร้างบุญสร้างกุศลเอาไว้เป็นที่พึ่งของตน ให้พากันตั้งจิตตั้งใจเราทำบุญทำกุศลนั้น
แม้จะมีมากมีน้อย เราอย่าไปคิดถึงบุญถึงกุศลว่ามันน้อยเกินไปเราจะไม่ทำ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าบุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนา การที่บุคคลไม่มีอะไรเลยจะทำบุญทำกุศลนั้น คือเห็นบุคคลอื่นทำบุญทำทานการกุศลทอดผ้าป่าบังสุกลและจีวรก็ดี หรือทอดกฐินก็ดี หรือทำบุญอยู่สถานที่โน้นที่นี่ วัดนู้นวัดนี้ก็ดี เห็นบุคคลอื่นเค้าทำเช่นนี้ เราก็ให้มีจิตแช่มชื่นเบิกบาน ยกมือไหว้อนุโมทนาสาธุการกองการกุศลผลบุญกับบุคคลอื่น ก็ได้บุญได้กุศลเรียกว่าบุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนา
บัดนี้บุคคลไม่มีอะไรจะสร้างบุญสร้างกุศลได้อย่างไร อีกอย่างหนึ่ง บุญสำเร็จด้วยการขวนขวายนั้นอย่างไร คือบุคคลไม่มีอะไรแล้วแต่ก็ใช้ปากของตนไปชักชวนหมู่ฝูงทั้งหลายมาทำบุญทำทานการกุศล จะใส่บาตรก็ดี ทำคุณงามความดีอยู่ที่ใด ทำอะไรมันเป็นผลเป็นประโยชน์ ให้ความสุขทั้งตนและบุคคลอื่นและสัตว์อื่น เจือจานไปตามกำลังความสามารถของตน เราก็ใช้ปากของเรานี้แหละชักชวนบุคคลอื่น ว่าไปทำบุญทำทานการกุศลที่โน้นที่นี้ จะไปวัดโน่นวัดนี่ก็ดี หรือจะไปทำบุญทำกุศลบ้านคนโน้นคนนี้ จะทำบุญขึ้นบ้านใหม่ก็ดี อย่างนี้ อันเป็นบุญเป็นกุศลแล้ว ก็ให้ใช้ปากของตนชักชวนบุคคลอื่นทำคุณงามความดี
ถ้าหากคนอื่นจะไม่ทำคุณงามความดี จะทำบาปหยาบช้า สิ่งที่ไม่ควรที่กระทำ จะนำทุกข์มาให้นั้น เราก็ใช้ปากของเราตักเตือนคนอื่นไม่ให้ทำความชั่ว กรรมมันจะเป็นบาป ก็เรียกว่าชักชวนคนทำคุณงามความดี ชักชวนให้คนทำบุญทำทานการกุศลตามมักมาหาได้ของตน ชักชวนเช่นนั้นด้วยวาจาของตน ก็เรียกว่าเราใช้ปากของเรานี้เป็นผลเป็นประโยชน์ทำบุญทำกุศลได้
หากเรามีสิ่งของก็ดี มีมากมีน้อยเพียงใด เราจะทำบุญทำกุศลนั้น อย่าไปคิด เราจะทำไปแต่น้อยๆ ทำบุญทำกุศลจะมีข้าวก็ดี จะมีผักก็ดี มีอาหารการกินตั้งแต่เล็กแต่น้อยก็ตาม เราก็เอาไปทำคุณงามความดีได้ ทำบุญทำกุศลได้ เราไม่ต้องละอายคนอื่นอะไร ทำบุญทำกุศล
คนที่ไม่มีอะไรก็เอากายของตนนี่สิทำ แม้เราจะทำอาหารการกินเลี้ยงพระเจ้าพระสงฆ์ เลี้ยงหมู่เลี้ยงฝูงก็ดี เราเอาร่างกายของเรานี้แหละทำบุญทำกุศล จัดที่นั่งก็ดี ปัดกวาดศาลาก็ดี ล้างถ้วยล้างชาม ช่วยกันทำอาหาร ช่วยกันทำสิ่งโน้นสิ่งนี้ ช่วยกันขวนขวายอยู่ เรียกว่าเราเอาร่างกายของเรานี้สร้างบุญสร้างกุศลให้เกิดขึ้น นี้แหละบุคคลที่ไม่มีอะไร แต่เอาร่างกายของตนสร้างบุญสร้างกุศลได้ให้เกิดเป็นบุญเป็นกุศลได้ เกิดขึ้นมาได้ในกายของตน เรียกว่าเอากายสร้างคุณงามความดีให้มีขึ้น นี่อย่างหนึ่ง
ถ้าบุคคลมีสิ่งของก็ดี มีมากมีน้อยเพียงใด เราจะทำบุญทำทานการกุศลได้หลายอย่าง เราจะทานข้าวทานน้ำก็ดี ผ้าผ่อนท่อนสไบ คิลานเภสัชปัจจัยยาบำบัดโรคภัยไข้เจ็บก็ดี ขุดน้ำบ่อก่อถนน สร้างโบสถ์สร้างวิหาร ศาลาโรงร้านก็ดี ทั้งหลายเหล่านี้ สร้างพระพุทธรูป พระสถูป พระเจดีย์ ทานสิ่งของอันใดมันเป็นบุญเป็นกุศลที่เราทุกคนพอจะทำได้ตามกำลังของตนหรือร่วมสร้างกับหมู่กับฝูง ตามกำลังของตนเช่นนี้เรียกว่าเป็นผู้มีศรัทธาสร้างความดีให้เกิดให้มีขึ้นแก่ตนเอง ผลอันที่เราสร้างบุญสร้างกุศลอันนี้แล จะอำนวยผลให้เรามีความสุขได้
บุคคลใด(บริจาค)ทานข้าวทานน้ำ เกิดชาติใดภพใดเราจะมีอาหารการกินบริบูรณ์ ไม่อดไม่อยาก เป็นอานิสงส์ของผลบุญ
บุคคลทานผ้าผ่อนท่อนสไบ เครื่องนุ่งห่ม เกิดชาติใดภพใดได้ร่างกายผิวพรรณผ่องใส สวยสดงดงาม และมีผ้านุ่งผ้าห่มไม่อดไม่อยาก อย่างสมบูรณ์เป็นอานิสงส์
บุคคลทานธูปทานเทียนก็ดี เกิดชาติใดภพใดจะมีดวงตาแสงสว่างไสว มองได้เห็นไกล ตาไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเป็นอานิสงส์ของผลบุญ
บุคคลทานคิลานเภสัชปัจจัยยาบำบัดโรคภัยไข้เจ็บตามกำลังมักมาหาได้ของตนนั้น เมื่อทานไปแล้วเกิดชาติใดภพใดแล้ว เราจะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียนร่างกาย ไม่ได้เข้าหาแพทย์หาหมอ หยูกยาก็ไม่ได้กินสักเม็ดตั้งแต่เล็กจนกระทั่งไปถึงเฒ่าถึงแก่ อานิสงส์ผลบุญจะได้เช่นนั้นเราก็ควรพากันพิจารณาดู
บุคคลใดพากันสร้างโบสถ์สร้างวิหาร สร้างศาลาก็ดี ร่วมสร้างกับหมู่ บุญอานิสงส์เช่นนี้ เกิดชาติใดภพใดจะมีบ้านอยู่หลังใหญ่ หลังหลวงอยู่สะดวกสบายเป็นอานิสงส์ของผลบุญ คิดดูซิ
บุคคลใดขุดน้ำบ่อก่อถนนให้คนไปมาก็ดี เราให้น้ำ ให้น้ำอยู่น้ำกินแก่บุคคล เกิดชาติใดภพใดแล้วเราไปอยู่ที่ไหนจะไม่อดไม่อยาก น้ำดื่มน้ำใช้อยู่สะดวกสบายเป็นอานิสงส์ จิตใจก็เยือกเย็นด้วย
บุคคลใดให้นั่งรถนั่งเรือเป็นเจ้าของรถพาหมู่มาทำบุญทำทานการกุศลเช่นนี้ หรือบุคคลชักชวนหมู่ จ้างค่ารถค่าเรือให้หมู่นั่งไปมา ยานโท สุขโต โหติ บุคคลให้ยานชื่อว่าให้ความสุขทุกคน พินิจพิจารณาดูให้ดี เรานั่งรถนั่งเรือมาตั้งแต่ทางไกลหลายร้อยกิโล ถ้าหากเราเดินมาแล้ว เราจะเดินมาไม่ถึง จะมีความทุกข์ยากลำบากมาก หากพวกเราท่านทั้งหลายได้นั่งรถ นั่งเรือมาแล้ว ก็มาให้ถึงจุดหมายปลายทางได้สะดวกสบาย เรียกว่าให้ความสุขแก่บุคคลอื่น บุคคลที่ให้ยาน ให้พาหนะ ให้นั่งรถนั่งเรือนี่ เกิดชาติใดภพใดจะมีรถมีเรือนั่งไปมาสะดวกสบาย เป็นอานิสงส์ของผลบุญของบุคคลนั้น
นี่เราพากันสร้างบุญสร้างกุศล ใครทำอะไรไว้บุญกุศลก็ย่อมได้ในสิ่งนั้น เราคิดดู เหตุฉะนั้นเราควรที่จะสร้างบุญสร้างกุศลตามกำลังของตนเอาไว้ เป็นที่พึ่งของตน คนเราเกิดขึ้นมาแล้ว หากไม่มีทรัพย์สมบัติไม่มีสิ่งของอันใดแล้ว มันมีความทุกข์ยากลำบาก หากทุกคนเรามีของใช้สอยและสะดวกสบาย มันก็นำความสุขมาให้แก่พวกเรา เพราะเป็นของที่สำคัญควรสร้างเอาไว้
บุคคลที่สร้างปัจจัยคือถวายปัจจัยเงินทอง เงินเป็นของที่สำคัญ เราจะซื้อเครื่องนุ่งเครื่องห่มก็อาศัยเงิน เราจะซื้ออาหารการกินมาบริโภค มาอยู่มากินมารับประทานก็ต้องอาศัยเงิน เราจะสร้างบ้านสร้างช่องอยู่ จะซื้อรถ ซื้อเรือ ซื้อสิ่งของมาใช้ภายในบ้าน หลายสิ่งหลายอย่างเราก็ต้องอาศัยเงิน เวลาเรามีโรคภัยไข้เจ็บก็ดี เราจะไปหาแพทย์หาหมอ เราก็ต้องอาศัยเงิน เราจะซื้อหยูกซื้อยามาพยาบาลตนเองก็ต้องอาศัยเงิน เหตุฉะนั้นเงินทางพระเจ้าพระสงฆ์ท่านจึงเรียกว่าปัจจัย ปัจจัยเป็นเครื่องหนุน บำรุงร่างกายของพวกเราท่านทั้งหลายให้ทรงอยู่ได้ ได้สร้างซึ่งคุณงามความดีเอาไว้ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญหากบุคคลได้ถวายปัจจัยเงินทองไว้ตามมักมาหาได้ของตน มีน้อยก็ทำไปตามน้อย มีมากก็ทำไปตามมากเช่นนี้ หากเรายังเวียนวนในวัฏสงสารเพียงใด เรามาเกิดอีก แล้วเราจะเป็นคนมั่งมีศรีสุขมีเงินมีทองใช้จ่ายบริโภคสะดวกสบายไม่หมดไม่สิ้นเป็นอานิสงส์ของผลบุญ
เหตุฉะนั้นทุกคนควรมาไตร่ตรองพินิจพิจารณา คนเราเกิดขึ้นมาอยู่ด้วยกันในโลกนี้ ทำไมบางคนจึงมั่งมีศรีสุขสมบูรณ์ มีเงินมีทอง มีรถมีเรือ มีตึกราบ้านช่องอันใหญ่หลวง อยู่สะดวกสบาย เงินจับจ่ายไม่หมดไม่สิ้นอยู่ด้วยความผาสุขเช่นนั้น เราควรพากันไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนเช่นนี้ บุคคลทั้งหลายเหล่านั้นตั้งแต่ชาติอดีตที่ผ่านมา พากันได้สร้างบุญสร้างกุศลเอาไว้ เมื่อมาเกิดในชาตินี้แล้ว ก็ได้เป็นคนที่มั่งมีศรีสุขสมบูรณ์ เป็นพลเรือนก็มี เป็นคฤหบดีก็มี เป็นกฎุมพี เป็นเศรษฐี เป็นพราหมณ์มหาศาล จนได้เป็นพระราชามหากษัตริย์ นั่งอยู่ในหอปราสาทราชมณเฑียรอยู่สะดวกสบาย ด้วยอำนาจบุญบารมีที่ตนเองได้สร้างเอาไว้ตั้งแต่ชาติอดีตที่ผ่านมา มาเกิดในชาตินี้จึงเป็นคนได้มั่งมีศรีสุขสมบูรณ์ อยู่สะดวกสบายเช่นนั้น
คนเราทุกคนก็ควรพากันไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน ดูแล้วว่าคนที่มั่งมีก็คือคนสร้างความดีเอาไว้ เรียกว่าบุญบารมี บุญวาสนาบารมีได้สร้างสมอบรมเอาไว้ เรียกว่า ปุพเพกตปุญญตา บุคคลได้สร้างไว้ตั้งแต่ชาติอดีตปางก่อน บุญนั้นจึงอำนวยผลให้เป็นคนมั่งมีศรีสุขสมบูรณ์เช่นนั้น
แต่คนเหล่านี้บางบุคคลนั้นพากันเกิดขึ้นมาแล้ว แต่มาทุกข์มายาก มาลำบาก ข้าวจะกินแต่ละมื้อก็ลำบาก เครื่องนุ่งเครื่องห่มก็ลำบาก อาหารการกินลำบาก บ้านอยู่ก็ลำบาก เวลามีโรคภัยไข้เจ็บจะไปหาแพทย์หาหมอก็ไม่มีเงินมีทอง ทุกข์ยากลำบากเหลือเกิน บางคนทุกข์ไร้เข็นใจอนาถาเช่นนี้ มีความทุกข์ยากลำบากเช่นนี้ เป็นเพราะอะไร เป็นเพราะบุคคลทั้งหลายเหล่านั้นตั้งแต่ชาติอดีตที่ผ่านไปแล้วนั้นเค้าเกิดเป็นมนุษย์ก็ดี เค้าไม่ได้สร้างบุญสร้างกุศล ทำคุณงามความดีอันใดเอาไว้ ตั้งแต่เล็กจนใหญ่ จนเฒ่าจนแก่ ไม่ได้สร้างคุณงามความดีอะไร เมื่อล่วงลับดับไปแล้ว ไปเกิดชาติใหม่ มาเกิดเป็นมนุษย์ชาติใหม่ จึงไปเกิดกับคนที่ทุกข์จน ทุกข์ไร้เข็นใจอนาถา มีความทุกข์ยากลำบากเช่นนั้น ก็อำนาจของกรรมนำให้ผลแก่บุคคลที่ไม่ได้สร้างคุณงามความดีเอาไว้ จึงเป็นคนทุกข์ไร้เข็นใจอนาถา
เหตุฉะนั้นพวกเราท่านทั้งหลาย ควรมาพินิจพิจารณาดูให้ดีเช่นนี้ คนเราเกิดมาเป็นคนเหมือนกัน ทำไมคนหนึ่งจึงจนเช่นนั้น ทำไมคนหนึ่งจึงร่ำรวยมั่งมีศรีสุขสมบูรณ์เช่นนี้ เมื่อเราพิจารณาดูให้ดีแล้ว ทุกคนก็รักความสุข เกลียดความทุกข์กันทั้งนั้นที่เกิดขึ้นมา ถ้าหากเรามาทำความเข้าใจเช่นนี้แล้ว เราต้องการอยากมีความสุขก็ให้คณะศรัทธาทั้งหลายพากันตั้งจิตตั้งใจสร้างคุณงามความดีเอาไว้ พากันทำบุญทำทานการกุศลตามมักมาหาได้ของตน สร้างเอาไว้
การทำบุญทำกุศลอย่าไปทำมากเกินไปให้มีความลำบากแก่ตนเอง ทำไปแต่น้อยๆ เราไปทำที่น้อยๆมันก็จะเป็นกองบุญใหญ่หลวงมหาศาลเหมือนกัน เราทำไปทีละน้อยๆ เหมือนกับหยาดน้ำฝนที่ตกลงไปในโอ่ง ตกลงไปทีละเม็ดๆ ตกทั้งวันทั้งคืน น้ำก็สามารถที่จะเต็มโอ่งได้ ฉันใดก็ดี บุคคลสร้างบุญสร้างกุศลก็เหมือนกัน สร้างแต่น้อยๆ สร้างไม่หยุด สร้างไปเรื่อยๆอย่างนั้นแหละ แล้วก็จะได้บุญได้กุศลเป็นกองบุญใหญ่หลวงมหาศาลเหมือนกัน
การทำบุญทำทานการกุศลเอาไว้นี้แหละจึงเป็นหน้าที่ของพวกเราท่านทั้งหลายที่จะพากันสร้างสมอบรมเอาไว้ หากเรายังเวียนวนในวัฏสงสารเพียงใด เรายังชำระกิเลสไม่หมดไม่สิ้นจากดวงใจของเรา ไม่ได้เข้าสู่นิพพานแล้ว เราก็คงจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์อีก เมื่อมาเกิดอีกก็ขอให้ทุกคนนั้นเป็นคนมั่งมีศรีสุขสมบูรณ์ เกิดขึ้นแก่ตนเองเช่นนี้
นี่ความปรารถนาของพวกเราท่านทั้งหลายมีจุดมุ่งหมายอยากสร้างคุณงามความดีเช่นนี้เอง เราเกิดขึ้นมานี้แหละ พวกเราท่านทั้งหลายควรไตร่ตรองไคร่ครวญให้ถี่ถ้วน พากันสร้างคุณงามความดีเอาไว้เสีย อย่าให้มันเกิดมาเสียชาติเปล่าประโยชน์ องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าท่านแนะนำสั่งสอนตรัสเทศนาเอาไว้ว่า คนเรานี้ถ้าหากเกิดขึ้นมาแล้ว ไม่ได้สร้างคุณงามความดีอะไร ตั้งแต่เล็กไปจนใหญ่ ไปถึงเฒ่าถึงแก่ เป็นอายุร้อยปีก็ตาม บุคคลนั้นเรียกว่าเกิดขึ้นมาแล้วตายจากคุณงามความดีที่จะพึงได้พึงถึง ก็ไม่ได้ไม่ถึง เพราะเขาไม่ทำคุณงามความดีอะไร หากเขาล่วงลับดับตายไปแล้ว ก็มาเกิดในภพใหม่ เค้าจะเป็นคนทุกข์ไร้เข็นใจอนาถา เป็นคนไม่มีทรัพย์สมบัติอะไร ไม่มีข้าวจะกิน ไม่มีเครื่องนุ่งเครื่องห่ม ไม่มีบ้านที่จะอยู่ เวลามีโรคภัยไข้เจ็บ เค้าจะไม่มีเงินมีทองใช้จ่ายบริโภค เค้าจะทุกข์ยากลำบาก องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคทรงเทศนาตรัสไว้เช่นนี้
พวกเราท่านทั้งหลายควรสร้างคุณงามความดีเอาไว้ ถ้าหากบุคคลเกิดขึ้นมาเป็นมนุษย์แล้ว ทั้งหญิงทั้งชายก็ดี มาพากันสร้างกองการกุศลผลบุญตามกำลังคณะศรัทธาของตน ได้สร้างบุญสร้างกุศลเอาไว้เหมือนพวกคณะศรัทธาทั้งหลาย จะพากันทำบุญทำทานการกุศลถวายอาหารก็ดี ถวายผ้าผ่อนท่อนสไบ คิลานเภสัชปัจจัยก็ดี จะสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร ศาลาโรงร้าน ขุดน้ำบ่อ ก่อถนนให้คนเดินไปมาอย่างนี้ให้มีความสุขความสบายแล้ว ให้ยานพาหนะ ให้นั่งรถนั่งเรือก็ดี ให้ความสุขความสบายแก่บุคคลอื่น ช่วยเจือจานไปตามกำลังของตนแล้ว บุคคลอย่างนี้เรียกว่าชีวิตนี้มีผล มีคุณค่า มีสาระมีประโยชน์มาก แม้บุคคลนั้นจะเกิดมาเพียงได้ ๓๐ ๔๐ปี ล่วงลับดับตายไปก็ตาม แต่เค้าได้สร้างคุณงามความดีเอาไว้ ชีวิตเค้ามีกำไร องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้เช่นนั้น
บุคคลได้สร้างคุณงามความดีนี้ ถ้าแม้จะมีอายุสั้นก็ดีในภพที่เค้าเกิดขึ้นมา หรือเค้ามีอายุถึง ๕๐ ๖๐ปี ๗๐ ปี ๘๐ ปีขึ้นไปก็ยิ่งได้สร้างคุณงามความดีไว้มาก เมื่อหากพวกทั้งหลายเหล่านี้มาเกิดในภพใหม่แล้ว ก็จะเป็นเกิดอยู่ในตระกูลที่มั่งมีศรีสุขสมบูรณ์ เกิดเป็นลูกพลเรือนตามกำลังของบุญของกุศล แล้วก็มาเกิดเป็นลูกคฤหบดีตามบุญตามกุศลที่ตนเองสร้างเอาไว้ มาเกิดเป็นลูกกฎุมพี เป็นลูกเศรษฐี เป็นลูกมหาเศรษฐี เป็นลูกพราหมณ์มหาศาล เป็นลูกพระราชามหากษัตริย์ เป็นราชบุตรา ราชบุตรี เกิดในกองเงินกองทองมีรถมีเรือมีบ้านอยู่สะดวกสบาย หลังใหญ่หลังหลวง มีหอปราสาทราชมณเฑียรอยู่สะดวกสบาย นี้บุคคลที่ได้สร้างคุณงามความดีเอาไว้ก็ได้รับผลเช่นนี้
พวกเราท่านทั้งหลายต้องการคุณงามความดีก็ขออย่าให้พากันมีความประมาท ที่เราได้มาเกิดเป็นชาติขึ้นมาแล้ว เป็นผู้โชคดีได้มาเกิดเป็นมนุษย์ ได้มาเกิดเป็นมนุษย์เป็นผู้โชคดีอย่างไร แม้เป็นหญิงเป็นชายก็ดีเกิดขึ้นมาแล้ว เป็นผู้ที่มีแข้งขามีหูมีตาบริบูรณ์ อันนี้โชคดีอย่างหนึ่ง โชคดีอีกอย่างหนึ่ง เรามาเกิดแล้วเรามาได้พบพระพุทธศาสนา ศาสนธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเป็นผู้โชคดี โชคดีอีกอย่างหนึ่ง ยังมีครูมีอาจารย์บวชสืบๆกันมาก นำคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเทศนาแนะนำสั่งสอนให้พวกเราได้ยินได้ฟัง ให้รู้จักบาปบุญคุณโทษ ประโยชน์หรือไม่ใช่ประโยชน์ เราก็จะได้ทำเอาคุณงามความดีตั้งแต่สิ่งที่มันเป็นผลเป็นประโยชน์เอาไว้เป็นที่พึ่งของตน นี้แหละเป็นบุญเป็นกุศลเช่นนี้เรียกว่าเราเป็นผู้โชคดี
บัดนี้เราได้โชคดีอีกอย่างหนึ่งเราได้สร้างคุณงามความดีเป็นทายาทของทางพระพุทธศาสนา เอาไว้ได้กราบ ได้ไหว้ ได้บูชา ได้ไหว้พระสวดมนต์ ได้พากันสมาทานศีล เป็นปัจจัยที่จะหนุนอยู่ในจิตตวิญญาณในดวงใจของพวกเราท่านทั้งหลายเอาไว้ การทำบุญทำทานการกุศลสร้างคุณงามความดีนั้นฝังไว้ที่ไหน จึงว่าฝังไว้ในศาสนา ฝังไว้ในที่ใจของพวกเราท่านทั้งหลาย ว่าเราได้ทำบุญทำทานการกุศลที่โน่นที่นี่ เราได้พากันสมาทานศีลอยู่ที่โน่นที่นี่ เราได้พากันกราบไหว้บูชาไหว้พระสวดมนต์อยู่ที่โน้นที่นี้ เราได้ช่วยคนอยู่ที่โน้นที่นี้ เราได้ทำคุณงามความดีอยู่ที่โน้นที่นี้ บันทึกไปในจิตใจของตนเอง เรียกว่าฝังไว้ในศาสนาให้มั่นคง
นี้แหละการสร้างบุญสร้างกุศล ที่เราเกิดขึ้นมาเราควรแบ่งทรัพย์สมบัติของตนเองสร้างคุณงามความดีเอาไว้ เอาร่างกายของพวกเราท่านทั้งหลายนี่แหละ สร้างดังได้กล่าวอันนั้น ใครถ้าไม่มีอะไรก็เอาร่างกายของตนเองอนุโมทนากับบุคคลอื่น เอาร่างกายของตนเอง เอาปากของตนเองไปชักชวนคนอื่นทำคุณงามความดี เอาร่างกายของเรานี่แหละ ท่านทั้งหลายทำอาหารการกิน สร้างอันโน้นอันนี้ ช่วยหมู่ช่วยฝูง จัดแจงอันโน้นอันนี้ ทำคุณงามความดี มันก็เป็นบุญเป็นกุศลเกิดขึ้น ถ้าหากเรามีอะไร เราก็ทำไปตามมีตามได้ของเราเรียกว่าเราสร้างคุณงามความดีเอาไว้ เป็นที่พึ่งของตนได้
บัดนี้ชีวิตของเรานี้มีกำไร มีคุณค่าสูง ไม่เกิดมาเปล่าประโยชน์ เป็นชีวิตที่มีคุณค่า มีสาระมีประโยชน์เกิดขึ้นเพราะได้สร้างคุณงามความดีเอาไว้เป็นที่พึ่งของตน เมื่อเรามีที่พึ่งของตน มีบุญมีกุศลเช่นนี้แล จิตของเราก็เป็นบุญเป็นกุศล แช่มชื่นเบิกบานอยู่ในการบุญการกุศลว่าทุกคนได้สร้างความดี จิตก็เลยมีความสุข ตัวของความสุขนั่นแหละ เรียกว่าตัวของบุญ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ เจตนา หัง ภิกขเว ปุญญัง วทามิ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตกล่าวว่าเจตนาเป็นตัวบุญ เหตุฉะนั้นคณะศรัทธาทั้งหลายที่ได้พากันมา ถวายผ้าป่าบังสุกุลและจีวรวันนี้ก็คงจะได้สร้างคุณงามความดี เป็นบุญเป็นกุศล จิตใจทุกคนคงปลื้มปิติยินดีในชีวิตของตน การเทศนามาแต่ต้นจนอวสานนี้ อาตมาภาพก็ขออำนวยอวยพรให้ท่านทั้งหลายที่ได้มาฟังธรรมในวันนี้ การแสดงธรรมในวันนี้นั้น ภาษิตที่อาตมาได้ยกไว้ในเบื้องต้นนั้นว่า ปุญญานิ ปรโลกัสมิง ปติฏฐาโหนติ ปาณินันติ บุญย่อมเป็นที่พึ่งอาศัยของสัตว์ในโลกหน้าได้ฉะนั้นแล นี่เป็นคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ขอให้พวกเราท่านทั้งหลายนั้นว่าเราได้สร้างความดีเอาไว้เป็นที่พึ่งของตนดังได้กล่าวมานั้น ทำจิตใจให้แช่มชื่นในบุญในกุศล ก็ขออำนวยอวยพรให้ทุกคนนั้น หากทุกคนได้มีจิตประสงค์จำนงในสิ่งใด ตั้งเอาไว้ในดวงใจแล้ว ก็ขอให้บุญกุศลนั้นจงดลบันดาลให้คณะศรัทธาทั้งหลายได้ประสบพบเห็นตั้งแต่สิ่งที่ตนเองพึงปรารถนาเอาไว้ อีกอย่างหนึ่งพร้อมทั้งคุณพระศรีรัตนตรัยแก้วทั้งสามประการคือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จงปกป้องคุ้มครองอภิบาลรักษาให้คณะศรัทธาทุกคนไปมาที่ใดก็ดี ให้อยู่รอดปลอดภัย ให้อยู่มีแต่สุขกายสุขใจ และขอให้ทุกคนจงเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ ทุกทิวาราตรีกาล ดังได้รับประทานวิสัชนามา ก็เห็นเวลาพอสมควร ก็ขอยุติการเทศนาไว้เพียงแค่นี้ เอวังก็มีด้วยประการะฉะนี้