Skip to content

ให้รีบทำบุญ เพราะความตายเป็นสิ่งที่แน่นอน

หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย

| PDF | YouTube | AnyFlip |

ท่านผู้ที่ทำความดีให้รีบเสีย อย่ามัวไปผลัดวันประกันพรุ่ง 

โก ชัญญา มะระณัง สุเว

นะ หิ โน สังคะรันเตนะ

มะหาเสเนนะ มัจจุนา

อันพญามัจจุราชคือความตายนั้น ตามติดเราอยู่ทุกวันและไม่มีกำหนดหมายเรื่องความตายว่า เราจะตายวันใด พระพุทธเจ้าสอนไว้อย่างนั้น พญามัจจุราชนั้นคือความตายหรือเสนามัจจุราชนั้นคือความตาย ย่อมตามติดเราอยู่ทุกวัน ไม่รู้วันไหนพญามัจจุราชเค้าจะปลิดชีวิตเราไป เพราะฉะนั้นจึงว่าความตายนี่ไม่เลือกเวลา และไม่เลือกแก่ไม่เลือกหนุ่ม ไม่ว่าสาว ย่อมสามารถจะตายด้วยกันได้ทั้งนั้น เพราะพญามัจจุราชตามติดอยู่ ท่านว่าอย่างนั้น 

เพราะฉะนั้นการสร้างความดี การทำความดีเนี่ย ให้รีบ พระพุทธเจ้าสอนไว้อย่างนั้น คือหลักบาลีเนี่ยยืนยันแน่นอน อาตมาเองเคยอ่านตั้งแต่เป็นสามเณร ยังจำได้บาลีนี้ยังอยู่ในสมอง ในเมื่อยกบาลีแล้ว มาแปลแล้ว วิเคราะห์แล้ว ก็ทำให้ตัวเองตื่นตัวตื่นใจ ดิ้นรนอยู่อย่างทุกวันนี้ ตั้งแต่สมัยบวชเป็นสามเณรมาเลย ก็พยายามเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นจึงอยากจะขอร้องให้บรรดาญาติโยมทั้งหลายให้เตรียมตัวเตรียมใจรีบตั้งความดี ทำความดีเสีย 

อาตมาเองก็รู้สึกว่า มีความเสียใจมากตอนที่สลบไปสมัยนั้นเพราะความดีมีน้อย ก็มานึกถึงความดีตอนที่กระทำได้นั้น ก็รู้สึกว่าในระหว่างที่มีจิตใจอันบริสุทธิ์น้อมเพื่อบุญเพื่อกุศลจริงๆ จิตมันน้อม มันอิ่มมันเอิบอยู่ทั้งวัน จึงเป็นบุญเป็นกุศล มีอานิสงส์ ทำบุญสักแต่ว่าทำ ไม่มีใจน้อมลงนั้น พระพุทธเจ้าบอกว่าสักแต่ว่าทำ ถึงแม้จะมีอานิสงส์ ก็น้อยเต็มที 

อาตมาเองสมัยสลบไปนั้น เคยคำนวณพิจารณาอยู่ว่า โอ อันนี้เป็นเรื่องจริง คืออานิสงส์ไม่ปรากฏเลยในสิ่งที่เราทำไว้หลายอย่าง ก็ได้ถามเทพเจ้าเหล่านั้นว่า ทำไมอาตมาภาพทำอย่างนี้ๆไม่ปรากฏอานิสงส์เลย เค้าก็บอกว่า ท่านสักแต่ว่าทำ ก็ยอมรับว่า โอ้ จริง ตอนสมัยนั้นกลัวครูบาอาจารย์จะว่าเราเนี่ยไม่ดี และท่านอาจารย์ขับไล่ออกจากวัดหรืออาจจะไม่ให้โอวาท เราทำเพื่อครูบาอาจารย์มองเห็นว่าเราเป็นคนดี เพื่อท่านจะได้ประสิทธิประสาทธรรมะให้เรา ทำเพื่อมุ่งธรรมะ ไม่ได้มุ่งบุญ 

เพราะฉะนั้นควรที่จะน้อมลงในทางบุญ เค้าก็บอกว่า การทำบุญจิตใจของเราต้องน้อมลงเพื่อบุญจริงๆ จึงมานึกถึงบาลีของพระพุทธเจ้าที่วางหลักไว้ว่า การทำบุญนั้นต้องถึงพร้อมด้วยเจตนา ๓ ตามหลักบาลีบอกว่า ปุพพเจตนา ในระหว่างที่เตรียมการจะทำบุญ จิตใจก็สบายอิ่มเอิบในบุญ ไม่มัวหมอง ไม่กังวล มุญจนเจตนา ในระหว่างที่ทำบุญ เหมือนเราทำบุญตักบาตรเมื่อกี๊นี้ ก็ให้มีจิตใจอันเอิบอิ่ม อปรเจตนา เมื่อเราทำบุญเสร็จแล้ว นึกตรึกถึงบุญกุศลนั้น ก็มีความเอิบอิ่มดีอกดีใจ ปลื้มใจ อันนี้ย่อมเป็นบุญเป็นกุศลอันมหาศาล พระพุทธเจ้าก็ว่าอย่างนั้น ในเมื่อมานึกถึงบาลีอันนี้แล้ว โอ้ จริงๆ ทีนี้ก็มานึกถึงบาลีอันหนึ่งที่อาตมาเคยเรียนตั้งแต่เป็นสามเณร ยังจำได้อยู่ที่ปรารภเมื่อกี๊นี่ว่า

อัชเชวะ กิจจะมาตัปปัง

โก ชัญญา มะระณัง สุเว

นะ หิ​ โน สังคะรันเตนะ

มะหาเสเนนะ มัจจุนา

แปลใจความว่าการทำบุญนั้นให้รีบเสีย เพราะพญามัจจุราชมันตามติดอยู่ ย่อมจะปลิดชีวิตเราในวันใดวันหนึ่ง แน่นอน ไม่มีพ้นแม้แต่คนเดียว แม้แต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์เองก็ไม่มีทางเว้นได้ จะต้องเป็นไปตามอย่างนั้น เมื่อได้อายุไขครบกำหนดจะต้องจากโลกนี้ไป 

ในเมื่อมาคิดอย่างนั้นแล้ว ก็จำเป็นที่เราจะต้องรีบ ถ้าไม่รีบหรือ ความตายมันก็ไม่ได้บอกเราว่า อายุเท่านั้นปีตายนะ และอายุเท่านี้ปีตายนะ ถ้าเขาบอกมาชัดๆอย่างนั้น เราก็จะแบ่งเวลาเช่นในวัยยังหนุ่ม เราก็อาจจะประกอบอาชีพดิ้นรนอะไรต่ออะไรเต็มที่ ที่บั้นปลายชีวิตจวนจะเวลาแล้วก็มาประกอบความดีเสีย แต่นี้ความตายไม่มีกำหนดหมายเลย ว่าความตายนั้นจะมาถึงเมื่อไร ไม่มีกำหนดหมายว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน จะเป็นพรุ่งนี้หรือวันมะรืนไม่แน่ จะเป็นปีนี้หรือปีหน้า ไม่มีอะไรเป็นกำหนดหมายแน่นอน 

แม้แต่พราหมณ์ผู้เก่งกาจหรือผู้วิเศษ สามารถลงเลขลงยันต์ได้ดี ก็ไม่มีความสามารถจะพยากรณ์ได้ว่า ท่านผู้นี้จะตายวันนั้นในเวลานั้นจริงๆน่ะไม่มี แม้ว่าเค้าดูหมอไว้เยอะแยะ บอกคนนั้นจะตายตอนนั้น คนนี้จะตายตอนนี้ ผ่านพ้นมาอยู่จนทุกวันนี้ก็มี พ้นจากเขตที่เค้าพยากรณ์ไว้เนี่ยตั้งสิบปีแล้วก็มี ไม่เห็นเป็นไง อันนี้นับว่าพราหมณ์เนี่ย เขาพยายามพยากรณ์ตามหลักของพราหมณ์ตามโหร ก็ยังไม่มีความสามารถที่จะบอกเราได้ว่า เราจะตายวันนั้นได้จริงๆ แม้แต่ความรวยก็บอกว่าปีนั้นจะรวย ตอนนั้นจะรวย ตอนนี้จะรวย บางทีก็ฟาวล์ แต่ในเมื่อเค้าพยากรณ์ว่าตอนนั้นจะมีเคราะห์มีกรรม มันไวนักนะ มันไว มักจะตรงเผงๆๆ แต่ในเมื่อบอกว่าตอนนั้นจะรวย ตอนนี้จะรวย โดยมากไม่ค่อยตรง ไม่ถูกต้อง 

เพราะฉะนั้นจึงว่าความตายเนี่ยไม่มีใครสามารถมาพยากรณ์ได้ ว่าเราจะตายเมื่อไร ด้วยเหตุนี้หละ จึงเป็นเหตุให้ไม่ควรนิ่งนอนใจ เสมือนอย่างอาจารย์ทุกวันนี้ก็เหมือนกัน ใครจะว่ายังไงเราไม่ฟัง ขอสร้างความดีอย่างเดียว ใครจะว่าไม่ดี ใครจะดูถูกดูหมิ่นยังไง เอาเถอะ ลงทุนให้ ขอสร้างความดีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปถึงวันตาย ความดีอันใดเป็นบุญกุศลที่เป็นภายนอกก็ตาม หรือเป็นการดำเนินทางด้านสมาธิจิตก็ตาม ไม่เคยลดละ มีความพยายามอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ปัจจุบันนี้ความตายจะมาถึงเมื่อไร ยอม สามารถหลับตาตายสนิทเพราะความดีในชาตินี้ สร้างไว้มากพอสมควร อิ่มอกอิ่มใจ 

ชาติหนึ่งๆเราสร้างบารมีมาได้มากขนาดนี้นั้นก็พอใจ เพราะว่าการผ่านการมาก็ไม่ใช่จะนานนัก แต่ความดีที่เราทำไว้มาก พร้อมทั้งวัตถุอันเป็นถาวรเพื่อสาธารณะบางแห่งก็มี อันเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนาโดยตรงก็มีหลายแห่งมากมาย แม้นว่าประเทศลาวก็สร้างไว้มากเหลือเกิน สร้างไว้มาก เมืองอีสานก็สร้างไว้มาก จนกระทั่งมาถึงภาคตะวันออกนี่ก็สร้างไว้พอสมควร เพราะฉะนั้นอิ่มใจ 

อันนี้เล่าสู่ลูกศิษย์ฟัง ก็อยากจะให้ลูกศิษย์เนี่ยเตรียมตัวเตรียมใจรีบเร่ง พยายามทำความดีเถอะ พวกเราพยายามดิ้นรนเพื่อฐานะของฆราวาสนั้น เจ็ดวัน เราทำกันอย่างเต็มที่ แทบไม่ลืมหูลืมตา เมื่อครบเจ็ดวันก็ควรจะเตรียมหาเสบียงของจิตใจซึ่งเป็นตัวของเราโดยตรง ใจซึ่งเป็นของพวกเราโดยตรง พวกเราลืม ไม่ค่อยห่วงใยนัก มีความห่วงใยเฉพาะเรื่องร่างกาย ลูกเต้าเหลนหลานที่เกิดมา ก็เป็นห่วงเขาเฉพาะเรื่องร่างกาย กลัวจะไม่ทันชาวบ้านเค้า กลัวจะไม่เสมอเหมือนชาวบ้านเค้า กลัวลูกจะไม่มีอันจะอยู่จะกิน ทุกสิ่งทุกอย่างมุ่งเพื่อทางด้านร่างกายทั้งนั้น 

แต่ความเป็นจริงแล้วร่างกายเนี่ย มันไม่ใช่เรา เราไม่ใช่ร่างกายนะ ร่างกายนี้มันเพิ่งก่อขึ้นมาในปัจจุบันนี้เท่านั้น แล้วเขาจะต้องสลายไปตามกำลังของธาตุ ซึ่งเขาสามารถประคองกันอยู่ได้ หรือรวมกันอยู่ได้ชั่วระยะหนึ่ง เพราะได้กำหนด เขาก็ต้องสลาย อันนี้เป็นหลักธรรมดา แต่ส่วนจิตใจที่บงการอยู่ภายใน เขารู้สึกต้องการอันโน้น ต้องการอันนี้ เกลียดอันโน้น ชอบอันนี้ซึ่งมันใช้กายของเราแสดงออกมานั้น ไอ้ตัวบัญชาน่ะคือตัวของเราโดยตรง 

ไอ้ส่วนร่างกายสังขารเป็นของก่อขึ้นมาแต่ละภพเท่านั้น ก็สลายไป จิตใจวิญญาณของลูกหรือผัวเมียจะต้องไปก่อขึ้นอีกในชาติข้างหน้า ตัวนี้เป็นตัวอมตะ ไม่มีตาย ตายไม่เป็น ไม่มีคำว่าตาย เป็นตัวอมตะ ก็ได้แก่จิตใจของเราโดยตรง แต่เราลืมนึกถึงตัวของเราจริงๆคือจิตใจนั้น ได้เตรียมเสบียงให้เขาแล้วหรือยัง หรือว่าได้เตรียมเสบียงนั้นให้เราแล้วหรือยัง พอแล้วหรือยังเสบียงของเราตรงๆ พอแล้วหรือยัง อันเป็นสิ่งที่อนุคามีติดตามตัวของเราเป็นเสบียงสืบไปในภพเบื้องหน้านั้น พอแล้วหรือยัง พร้อมแล้วหรือยัง อันนี้เป็นสิ่งที่เราควรคิดให้มากๆ 

ถ้าเราคิดอย่างนี้มากๆแล้ว เราก็จะมองลูกเต้าของเราในทางด้านจิตใจให้มาก ให้ลูกเต้าของเรารู้จักทำบุญ ให้ลูกเต้ารู้จักไหว้พระไหว้เจ้า ให้รู้จักรักษาศีล ต่อเติมความดีเพื่อเป็นเสบียงของจิตใจทางด้านลูกเหมือนกัน เราก็เหมือนกันอย่างนั้น แต่นี้โดยส่วนมากเท่าที่สังเกตดูแล้ว มีความเป็นห่วงเรื่องร่างกาย ไม่ได้เป็นห่วงกันทางด้านจิตใจ อันนี้เป็นสิ่งที่น่าเสียดาย 

สมัยก่อนอาตมาก็เหมือนกัน แต่ตกมาเดี๋ยวนี้ มีความเป็นห่วงเป็นใยจิตใจนี่มากสุด เรื่องร่างกายบางทีนี่แทบจะไม่ได้เหลียวแลเค้าเลย เพราะว่าเค้าก็เป็นเครื่องมือของเรา แต่ควรจะบำรุงรักษาให้ดี แต่บางทีมันจำเป็น เราก็ต้องเสมือนหนึ่งว่าไม่ได้สนใจในเรื่องร่างกายเลย บางทีก็ผอมโซ เหลือแต่กระดูก เดินกันโซเซๆ แต่พยายามประกอบในทางที่เป็นบุญกุศลนั้นไม่ได้ขาดระยะ ออกสวดมนต์ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักศาสนจิต ไม่เคยลดละ วันนี้กำลังจับไข้สั่นก๊อกๆๆ ก็ต้องไป เวลาไปทำงานนั้น ไปถึงบ้านงานนั้นก็ต้องจิก ต้องพยายาม ไม่ให้เค้ารู้ว่าเราป่วย พยายามบังคับทุกอย่าง อันนี้ก็ถือว่าไม่เคยสนใจในเรื่องร่างกาย เป็นห่วงจิตใจมากที่สุด จึงได้ทุ่มเทชีวิตอยู่อย่างปัจจุบันนี้ 

เพราะฉะนั้นบรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายก็อยากจะให้มีความคิดตกไปอย่างนี้ว่ากายไม่ใช่เรา เราไม่ใช่กาย จิตใจวิญญาณเป็นตัวของเราโดยตรง อันนั้นแหละจะต้องไปก่อภพแน่นอน อาตมาเองถ้าไม่สลบตอนนั้นก็คงจะไม่เข้าใจชัดเจน พอสลบตอนนั้น เข้าใจชัดเจนที่สุดว่า ในเมื่อเราตายลงไปแล้วเนี่ย ตัวของเราตรงๆออกมาเนี่ย ออกมาในลักษณะยังไง และต่อจากนั้นไปไหน อันนี้ แหม ชัดเจนมากเรื่องรสชาติของความตาย รู้ได้ชัด เพราะฉะนั้นทุกวันนี้ถึงไม่ได้เป็นห่วงและไม่กลัวเรื่องความตาย กลัวอยู่อย่างเดียวว่าความดีน่ะจะไม่พอ ไม่พอเลย อันนี้พยายาม เป็นห่วงอันนี้มาก 

เพราะฉะนั้นขอให้ลูกศิษย์ทั้งหลายตั้งอกตั้งใจเถอะ วันนี้พวกเราได้มาทำบุญแล้ว อาจารย์ก็ได้ใส่บาตรร่วมได้เป็นเจ้าภาพร่วม ก็คิดว่าบารมีความดีที่ได้สร้างสมอบรมร่วมกันนี้ทุกภพทุกชาติเนี่ย พวกเราคงไม่ห่างกัน แต่ก็ยังมองอีกรูปหนึ่งว่า พวกเราเนี่ยยังมีความเกี่ยวพันกันอยู่ หลายๆคนเขาก็ถอยออกไป ถอยออกไปไม่ใช่ถอยธรรมดา ก็มักจะให้ร้าย มักจะพูดอะไรไม่ค่อยเป็นมงคล ก็รู้สึกว่าฟังแล้วก็น่ากลัวเพราะว่า พระเจ้าพระสงฆ์มีศีลมีธรรม มีความประพฤติดีปฏิบัติชอบ เป็นผู้สร้างบารมีความดีมากมายแล้ว หากแต่เมื่อเขาล่วงเกินไปนั้น การเกิดวิบัติอะไรต่างๆนี้ก็คงจะมีมาก 

เพราะฉะนั้นก็น่าเสียดาย ผู้ที่เป็นฆราวาสเนี่ย โอกาสที่จะทำบาปได้มากอยู่ เขาอยู่เฉยๆอย่างนั้น เขาก็ยังบาปพอสมควร เพราะการกระทำของเขานั้นไม่ได้ตรงไปเพื่อศีลธรรมอยู่เสมอ ย่อมมีบาปปน แถมยังไม่พอ มาพ่วงเอาบาปจากพระเจ้าพระสงฆ์ ผู้มีศีลธรรมหรือกัลยาณธรรมอันดีงาม และมีความประพฤติวัตรเยี่ยงสมณะทั้งหลาย 

ในเมื่อก่อกรรมกับท่านเช่นนั้น ก็คงจะแบกกันไม่หวาดไม่ไหว อันเนี้ยเป็นห่วงเลย สงสาร บางคนก็เตือนก็ได้ เอ้ย นี่นา ครูบาอาจารย์เป็นผู้สร้างความดีนะ ไม่ใช่พระสะเปะสะปะธรรมดา เป็นผู้มีคุณธรรมประจำใจพอสมควรนะ แต่อาจารย์ไม่โกรธไม่เกลียดนะ อาจารย์ยังแผ่เมตตาให้อยู่ ยังพยายามเสมอว่าอย่าให้มีบาปมีกรรมเข้าไปหาเขาเลย สงสาร 

เหตุนั้นลูกศิษย์ก็ต้องระมัดระวังหน่อย อย่าพากันด่าอาจารย์นะ มันบาป เนี่ย ยังเป็นห่วงเป็นใย เพราะฉะนั้นพวกเราก็เหมือนกัน ขอให้ตั้งอกตั้งใจวันนี้ 

มามองเบื้องหลังแล้วคิดว่าคงจะมีกำลังความดี สร้างสมกันมาแล้วตั้งแต่อเนกชาติกันพอสมควร จึงมีส่วนกระตุ้นทางด้านระบบประสาทสมองจิตใจให้น้อมมาอยู่ หากในเมื่อเป็นอย่างนี้ยังมีส่วนอยู่ ยิ่งวันนี้เราก็ได้ทำความดีร่วมกันอีกด้วย ใส่บาตรร่วมกันอีกด้วย ความดีบารมีที่ทำวันนี้เป็นทานมัย สักเดี๋ยวพวกเราก็จะได้รับศีลด้วย อันนี้แล้วยังจะต้องมีการภาวนาสงบจิตสงบใจด้วย บุญกุศลทั้งสามอย่างมารวมกันก็สามารถที่จะผนึกกำลังกันเข้า ช่วยให้มีสายสัมพันธ์ในทางบุญกุศลเนี่ย ทำให้พวกเราเนี่ยต้องเกิดร่วมกันทุกภพทุกชาติ แต่ละภพแต่ละชาติ ความดีที่พวกเราสร้างสมนี้ก็ต้องกระตุ้นให้พวกเรานี่พอใจในทางที่เป็นบุญกุศล ก็จะได้ประพฤติปฏิบัติ และอีกอย่างหนึ่งความดีที่เราสร้างไว้ทุกภพทุกชาตินี่ ก็คงจะเป็นอันว่านำพาให้พวกเราเนี่ยมีอันจะอยู่จะกินทุกภพทุกชาติ โอกาสที่จะทำความดีนั้นมีพอ เพราะฉะนั้นจึงอยากให้พวกเราตั้งอกตั้งใจกัน สร้างความดีสัมพันธ์กันเอาไว้ 

อย่างเถ้าแก่ประจินอย่างเนี้ยก็เหมือนกัน ทุกปีเค้าเอาอะไรมาทุ่มเทชีวิตจิตใจ ทุกปีเค้ามาทุ่มเทชีวิตจิตใจ ก็มานั่งมองอยู่ทุกวี่ทุกวัน โอ้โห! ความดีที่สร้างสมอบรมร่วมกันนี่ช่างมากเหลือเกิน เป็นสิ่งที่น่าปลาบปลื้มใจ แล้วก็ทุกท่านทุกคนน่ะ เสี่ยยงยุทธ ท่านกำนัลจริณ และทุกคนทุกท่านที่ไม่ได้เอ่ยชื่อ ก็ได้ร่วมกันมานานเหลือเกินเป็นเวลาหลายปีพวกเรา ได้สร้างความดีร่วมกัน 

เพราะฉะนั้นจะไปทำความดีเมื่อไรก็กระวนกระวาย อย่างเนี้ย พระเจ้าพระสงฆ์ที่นั่งอยู่นี่แหละ ท่านก็มองอาจารย์อยู่ทุกวันว่า คำพูดแต่ละคำจริงขนาดไหนแค่ไหน ตอนนี้เกิดกระวนกระวายใจ บอกว่าทำยังไงหนอ จะได้ไปร่วมได้ด้วย แล้วก็ไปปรารภบ่อยๆว่า จะให้ใครไปติดต่อจะติดต่อแบบไหน คุณนายจะอยู่ที่ร้านลูกชายมั้ย หรือว่าจะต้องตามไปโป่งน้ำร้อนนี่ยังคุยกันอยู่ทุกวัน ทีนี้ก็มาดีใจว่าเสี่ยยงยุทธจะมาทำบุญวันนี้ ทีนี้ก็กลัวอย่างเดียวว่าอาจจะลืม ก็ให้อาจารย์สุวิทย์ไปติดตาม วิ่งเต้นติดตาม ติอต่อ ลองดูซิทำไม ติดต่อแต่เนิ่นๆ อาจารย์วิทย์ก็ไม่ได้บอกว่าติดต่อได้ความยังไงก็ไม่ได้บอก บอกตั้งแต่วันแรกว่าเสี่ยเค้าติดธุระ คงจะไม่ได้มา ถ้าไม่ได้มาก็ไม่เป็นไร เราก็ทำบุญกัน ทีนี้ก็เลยสั่งแม่ชีว่าเตรียมนะ เตรียมทำบุญก็แล้วกัน พอ?โผล่มาก็ดีอกดีใจ คือบารมีทุกปีนี่ไม่ได้ขาดสาย เราได้สร้างความดีเนี่ยผนึกกันเอาไว้ ทุกภพทุกชาติเราจะหนักแน่นยิ่งกว่านี้ 

อันเนี้ยอาจารย์จัดงานขึ้นก็เป็นห่วงอีก อย่างเนี้ย จะเตรียมเนี่ย จะให้คนไปติดตาม ก็ดีอกดีใจก็ได้ชวนว่าจะไปด้วยได้มั้ย ถ้าไปด้วยได้ก็อยากจะให้ไปด้วยกัน ถึงแม้จะมีการกีดกันซักแค่ไหนก็ตาม ก็ต้องยอม 

อันนี้ก็มีไลน์หนึ่งมาที่นี้เหมือนกัน ก็มีกลุ่มที่มาใหม่ๆเข้ามาประกบเนี่ย ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจว่าใครเป็นใคร ใครมีความสนิทสนมขนาดไหน ใครสำคัญแค่ไหนเขาไม่เข้าใจ ความไม่เข้าใจก็เลยไปเกิดกางกั้นคนสำคัญเข้า คนสำคัญก็ส่ายหัว ชวนมาวัดบอกว่าไม่ไหว ไปก็ไม่ได้รับความสะดวกอย่างเดิม เข้าใกล้ชิดครูบาอาจารย์ก็ไม่ได้ แม้นว่าจะเข้าไปกราบไปไหว้ เขาก็กีดกั้นไปเสียหมด ก็รู้สึกว่าไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร บอกอย่าไปน้อยใจเสียใจ ไม่มีปัญหาหรอก ขอให้ตั้งอกตั้งใจเถอะ ให้มาเถอะ 

และคราวนั้นจังหวัดตราดเลิกไปจนเกือบปีหนึ่งไม่หนึ่ง ไม่มาเลย เอ๊ อะไรกันหนอ ก็นั่งอ่านนั่งคิด ก็มานึกได้ โอ้ ตอนนั้นเค้าก็มาไหว้ ทีนี้เค้ามาไหว้แล้วก็มานั่งคุย ซึ่งมันเป็นปัญหาที่เรียกว่าไม่อยากจะให้ผู้อื่นรู้ มันเป็นความลับ แต่ความลับนั้นไม่ได้ผิดกฏหมาย แต่มันเป็นความลับที่มีความละอายอยู่เป็นบางอย่าง เค้าก็ไม่อยากให้โคตรเจ้าสกุลของเขาเนี่ย เข้าไปถึงหมู่ผู้อื่น เพราะว่าไอ้ความที่เกิดแก่งแย่งกันในระหว่างสกุลของเขาเอง เค้าก็มากระซิบกระซาบ และเขาก็ไม่ได้ใกล้นัก ก็มีคนมาไล่ออก ยังตั้งถามปัญหายังไม่ได้เลย ไล่ออกไป แม้อาจารย์ก็เศร้าสลดมาก แหม ไม่น่าทำอย่างนี้กับคนนี้เลย 

ทีนี้วันหลังอีกก็มาอีก มาอีกก็ถูกมาไล่ออกไปอีก ไอ้คนที่ไล่ทั้งสองทีกลายเป็นผู้หญิง เดินปรี่เข้ามา เข้ามาไล่ “ทำไมมาใกล้ชิดท่านนักหละ ทำไมไม่ออกห่างๆ ออกไปสิ” แหม อย่าว่าเขา เราก็ยังเสียใจ ยังเสียใจทำไมถึงเป็นอย่างนี้ อันนี้เค้ามาใหม่ๆเมื่อวานนี้ ไอ้ของเราเนี่ยมันมากี่ปี อย่างคณะจังหวัดตราดเค้ามาน๊านเหลือเกิน แต่เกิดลูกศิษย์ใหม่ๆเนี่ย เกิดมาผนึกกำลังกัน แล้วก็ขับไล่โดยไม่ให้ความสะดวก ก็น่าน้อยใจก็เลยต้องไปถึงบ้านเค้า บอกว่าอย่าน้อยใจ อย่าเสียใจนะ ทุกสิ่งทุกอย่างขออภัยด้วย เขาเหล่านั้นไม่รู้จักคนสำคัญไม่สำคัญ อาจารย์ก็รู้สึกมีความเสียใจ แต่ว่าโวยวายไม่ได้ 

เพราะฉะนั้นจึงมาขอปรับความเข้าใจว่า อย่าไปทอดทิ้งอาจารย์เลย ถ้าเราไปโกรธเกลียดผู้ปฏิบัติงานร่วม ทำไม่ถูกไม่ต้องก็ขอให้คิดว่า อาจารย์ยังมีความนับถือเราเหมือนเดิม ยังมีความรักนับถือ ยังอยากให้สร้างบารมีร่วมกันอีกในชาตินี้ เพราะชาตินี้ก็เป็นชาติสำคัญของอาจารย์ชาตินึง ได้เข้ามาบวชในบวรพุทธศาสนาตั้ง ๔๒ ปี อันนี้ก็สร้างความดีถึงขนาดนี้แล้วก็ขออย่าน้อยอกน้อยใจ ขอให้เห็นแก่อาจารย์เถอะ ขอบิณฑบาตเถอะ เอ้อ ถ้างั้นไม่เป็นไร เขาก็ยินดี ที่จะมาร่วม ก็พอดีเขาก็เลยมา เอายาเอาอะไรมาให้ ก็รู้สึกว่าดี 

อันเนี้ย บางทีอาตมาก็ไม่สบายใจ คือเค้าไปสวดมนต์กรุงเทพ เค้าก็ติดตามไปประกบกัน คนจะเข้ามานี่รู้สึกว่ามันลำบาก ยิ่งวันหนึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่สุดที่จะเอาอาหารมาถวาย พอเค้าเดินเข้ามาจวนจะถึงปุ๊บ ตวาดทั้งแรงเลย “อย่าเข้ามานะ ออกไป เข้ามาไม่ได้ ออกไปเดี๋ยวนี้ ออกไปเลย” โบกมือโบกไม้ไล่ แหมได้ยินแล้วรู้สึกเศร้าสลดเป็นอย่างมาก 

ก็เลยบอก คุณเข้ามาเถอะ เข้ามาเถอะ ไม่เป็นไรหรอก เข้ามา อาจารย์ไม่ว่าเข้ามาเถอะ ไม่เป็นไร พอดีเค้าเข้ามาประเคนของก็รีบออกไปด้วยความเสียใจ ก็เลยไปขอร้องขอวอนเค้า บอกขอร้องนะ เพราะเค้าไม่เข้าใจว่าบุคคลสำคัญ แล้วเขาเข้าใจนึกว่าเค้าจะมาคุยกับอาจารย์ เค้าก็เป็นห่วงเป็นใย เค้าก็หวังดีนะ ขออภัย เขาบอกไม่ถือหรอก เข้าใจอยู่ อันเนี้ย เวลานี้มันโวยวายกันถึงขนาดเลวร้าย ไม่มีความสามารถจะแก้ไขเค้าได้ ไม่รู้จะแก้ไขยังไง 

แม้แต่อาจารย์เองเค้าก็สอน เค้าก็สอน บางทีก็จริงของเขา อันนี้ยอมรับนับถือ ยอมรับ คืออาจารย์เนี่ยไม่เข้าใจเรื่องจีน ก็เลยไปเรียกสามีเค้าว่า”อาเสี่ย” แล้วกลับไปเรียกเมียเค้าว่า”เถ้าแก่” เค้าบอกว่านี่มันใช้ไม่ได้ ภาษาจีนเค้าไม่ได้ใช้อย่างนี้ บอกอาจารย์ผิด ก็เลยบอกพระไปสอนอาจารย์ด้วย อันนี้ต้องสอนอาจารย์นะมันผิด เออ เราก็ยอมรับ ก็ยอมรับก็เลยเกิดความรู้ขึ้นมา อ้อ ธรรมดาเค้าเรียก”อาเสี่ย” ต้องเรียกเมียว่า”เสี่ยเนี้ย” ไปเรียก”เถ้าแก่” ก็เหมือนกับเมียนี่เป็นแม่ของผัวนี้ มันผิด โอ้ จริงๆ ทีนี้ก็ยอมรับ อย่างนี้ 

นอกนั้นแล้วอีก วันหนึ่งอาจารย์พรมน้ำมนต์ ผ้ามันชักหลุดๆ พรมน้ำมนต์ เค้าจับมือดึงไว้เลย 

“เดี๋ยวๆอย่าพึ่งไป อย่าพึ่งไป ห่มผ้าเสียก่อนแล้วค่อยไป ไม่เรียบร้อย” 

เออ เอาก็เอาวะ ก็ห่มผ้าใหม่ก็ดี เค้าหวังดี ก็เอาเถอะ ไม่เป็นไร 

เค้าดึงๆเอาไว้ “หยุดก่อนๆ หลวงพ่อหยุดก่อน หลวงพ่อห่มผ้าไม่เรียบร้อยนี่ ต้องห่มใหม่เสียก่อนแล้วค่อยไป” 

เออๆ ไม่เป็นไร บอกขอบคุณๆ ห่มก็ห่ม 

นี่แหละ คือมันเลยเถิด มันเลยเถิดไปก็มี ก็ต้องยอมรับว่ามันไม่ดีก็ต้องไม่ดี 

อันนี้อาตมาอีกอันหนึ่งติดภาษาเมืองจันท์ อาจารย์ไม่กล้าที่จะพูดให้ฟังว่าอะไรเป็นยังไง ถ้าพูดออกมาก็เนื่องด้วยความโกหก เป็นการหลอกลวงชักจูงเพื่อจะชักจูงเค้าเข้ามาหาตัวเอง อาจารย์พูดไม่ได้ นอกจากพระเณรบางองค์ซึ่งเราสามารถทำให้เขาเชื่อถือได้คือ เราจะพยากรณ์เค้า ความคิดต่างๆห้าปี สิบปีที่เคยคิดมา เราพยายามไปดึงเอาความคิดนั้นออกมาเล่าให้เค้าฟัง อันนี้เค้ายอมรับ เราพูดอะไรๆแล้วแต่ เค้าก็ยอมเชื่อว่าเป็นจริง เพราะสามารถเข้าไปจับจิตถึงขนาดนั้นได้ ก็ย่อมสามารถที่จะรู้ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง อันนี้ก็ยอมรับ ในเมื่อผู้ที่ยังไม่เข้าใจอย่างนั้น เราพูดไม่ได้ จึงไม่กล้าสามารถพยากรณ์อะไรทั้งสิ้น 

แต่ก็เชื่อเหลือเกินว่าบุพเพสันนิวาสเบื้องหลังนั้น พวกเราต้องเกี่ยวข้องกันมาอย่างโชกโชน จึงเป็นเหตุให้พวกเรานั้นมีความเกี่ยวข้องกันอยู่ บรรดาครูอาจารย์อื่นๆเยอะแยะ ถึงแม้พวกเราจะตื่นเต้นหลงใหลเข้าไปชั่วระยะ แล้วจิตใจมันก็ยังกังวลอยู่ ก็มาเกี่ยวข้องกันอยู่ อันนี้พวกเรามองไม่เห็น แต่อาจารย์มองเห็น 

เพราะฉะนั้นก็ขอให้พวกเราเนี่ย ชาตินี้อาจารย์จะอยู่กับลูกศิษย์ไปอีกไม่นานแล้ว อยากจะให้สร้างความดีบารมีร่วมกัน อีกไม่นานนะ อาจารย์จะต้องจากแล้ว เพราะฉะนั้นพวกเราจะต้องตั้งอกตั้งใจสร้างความดีร่วมกัน แล้วก็โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเราก็เป็นผู้ที่เข้าใจธรรมะดี เนื่องจากท่านพ่อนี่ พวกเราก็เลยพบปะ พระท่านก็อบรมสอนให้พวกเราเข้าใจธรรมะปฏิบัติ เข้ามาหาอาจารย์ก็ได้อบรมสอนน้อยหน่อย แต่ก็คิดว่าพวกเราเข้าใจดีพอสมควร ได้แต่ชวนไปทำบุญทางโน้น ได่แต่ชวนไปทำบุญทางนี้เท่านั้น อันนี้เป็นอย่างนั้น