Skip to content

บุญเกิดจากความสงบ

หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร

วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๑

| PDF | YouTube | AnyFlip |

วันนี้เป็นวันที่พวกเราได้กำหนดให้ศรัทธาชาวตำบลแม่แตงของเราทั้งแปดหมู่บ้านได้มาประชุมพร้อมเพรียงกัน ณ สถานที่วัดป่าหมู่ใหม่แห่งนี้ซึ่งเป็นนิมิตเครื่องหมาย เป็นอนุสรณ์ของพวกเราทุกคนที่ไม่เคยจับไม่เคยทำมา แต่เคยมีสมัยหลวงตามหาบัว ท่านเคยมาจัดโครงการช่วยชาติ ก็นิมนต์ท่านมาโปรดเมตตาที่นี่เมื่อหลายปีที่ผ่านมา แต่วันนี้เป็นเวลาของพวกเรากำหนดขึ้น แล้วก็ไม่ใช่กำหนดขึ้นเฉพาะสถานที่ของเรา คือกำหนดทั้งประเทศให้ทั่วประเทศไทยของพวกเรา เพราะตอนนี้ประเทศชาติบ้านเมืองเราก็รู้ว่าข่าวกันดีว่าเปลี่ยนแปลง มีการเสื่อมโทรมอะไรต่างๆอย่างนี้ อันนี้ทางโลก ก็อาศัยทางศาสนาที่จะมาช่วยแก้ไขให้ทางโลกฟื้นฟูขึ้นมาได้

ยกตัวอย่างหลวงตาท่านโครงการช่วยชาติก็ทำให้บ้านเมืองได้มีมรดก มีทองคำจำนวนหลายพันเป็นตันๆ นอกนั้นก็มีเงินดอลลาร์จำนวนมากขึ้นมาก็อาศัยพระพุทธศาสนา ถ้าอย่างนั้นเรื่องวิกฤติที่ผ่านมาหลายปีถ้าหลวงตาท่านไม่เมตตาก็คงจะยิ่งยุ่งลำบากกว่านี้ ฉะนั้นเราชาวบ้านทุกคนก็คือมีฐานะมีภาวะมีเพศมีอาชีพมีความเป็นอยู่เหมือนกันหมด คือจะต้องทำมาหากินดิ้นรนทุกคนทุกครอบครัว ฉะนั้นเรื่องที่ศาสนาช่วยเราได้ก็คืออะไร ก็คือบุญ 

ส่วนบุญนี้ถ้าพูดถึงบุญที่เป็นส่วนของภายในเป็นส่วนของจิตก็ไม่มีรูปไม่มีตัวมีตน คือเป็นเรื่องของอารมณ์จิตเกิดขึ้นเป็นบุญ ถ้าจะพูดเป็นเรื่องของรูปภายนอกคือร่างกายที่เราเห็นกัน ก็คือเป็นส่วนที่เรามองเห็นได้ด้วยตา ว่าหน้าตาคนนี้มีบุญ รูปร่างลักษณะสมบูรณ์ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ผิวพรรณวรรณะก็ผ่องใส่อย่างนี้ อันนี้เราดูกันได้ทั้งสองอย่างเรื่องบุญ คือดูได้ทั้งบุญภายในคือบุญที่มองไม่เห็นอยู่ในจิต ถึงไม่มีรูป และบุญภายนอกคือร่างกายของเราแต่ละคนนี่แหละ เป็นตัวบุญที่มองเห็นได้ด้วยตาเหมือนกัน ถ้าร่างกายภายนอกไม่มีบุญอย่างเราเห็นคนพิการอย่างนี้ เราก็จะเห็นกันทุกคนหละในศูนย์คนพิการ ก็เพราะอะไร เค้ามีบาป เค้ามีกรรม เค้าทำบาปไว้เบื้องหลังมาให้ผล อย่างนี้เราก็เห็น อันนั้นคือเป็นเรื่องบาป เรื่องไม่มีบุญ บุญมีน้อยแต่บาปมาให้ผลก่อน 

ฉะนั้นคำสอนของพระพุทธเจ้าจึงมีสิ่งที่จะช่วยโลกได้คือบุญ ทรัพย์คือบุญ อย่างที่ว่าหลวงตาทำการช่วยชาติอย่างเนี้ย ก็คือทรัพย์ที่ได้จากญาติโยมทั่วประเทศนั่นแหละที่ร่วมบริจาค อย่างวัดป่าหมู่ใหม่ก็รวบรวมได้เป็นจำนวนมากอยู่ ท่านก็ให้ใบอนุโมทนาบัตรมาเป็นหลักฐานไว้ ก็ยังเก็บรักษาไว้อยู่ ก็เพราะว่าเราเชิดชูพระพุทธศาสนาให้ดำรงคงมั่นอยู่กับแผ่นดินประเทศชาติบ้านเมืองของพวกเรา ให้สืบทอดไปถึงลูกหลานเหลนของพวกเราในภายภาคหน้า ก็อาศัยบุญ อาศัยพระพุทธศาสนา อาศัยธรรมะคำสอนพระพุทธเจ้าเนี่ยแหละเป็นเครื่องช่วย แต่ไม่ได้ช่วยด้วยวัตถุ ช่วยด้วยคำสอนนะ อย่างที่หลวงพ่อเทศน์ให้ตอนเนี้ย ถ้าเราตั้งใจฟัง เราจำคำสอนได้ แล้วเรานำไปปฏิบัติเราได้รับผลแล้วเราแก้การปฏิบัติที่เราติดขัดให้ถูกต้องลงได้ ก็เชื่อว่าเป็นผู้ที่มีศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนาไม่เสื่อม คือการทำบุญก็จะทำตลอด คือไม่มีการที่จะทำให้อารมณ์เครียด อารมณ์ที่เป็นบาปเกิดขึ้นในจิต

อย่างชีวิตประจำวันของพวกเรา ยกตัวอย่าง อย่างวัดป่าหมู่ใหม่ของเราอยู่ที่นี่ บ้านหมู่ใหม่ไม่มีซักหลัง แล้วศรัทธาที่ทำบุญอุปถัมภ์ใส่บาตรทุกวันก็หมดทั้งตำบลแม่แตงเรานี่ สิบหมู่บ้านนั่นหละ บางทีตุ๊เจ้าเพิ่นพระท่านเป็นพระหนุ่มแข็งแรงท่านก็เดินไกล ท่านก็ไปถึงจนสุดเขตตำบลนั่นน่ะ คือไปโปรด โปรดเรื่องให้ศรัทธาได้ทำบุญ ให้ได้บุญได้บำรุงพระพุทธศาสนาอย่างหนึ่ง ให้ได้บำรุงผลบุญ บำรุงตระกูลผู้เราทำบุญใส่บาตรให้ได้บุญสืบต่อเนื่องกันไม่ให้ขาด ให้เป็นบุญเป็นนิจเป็นกิจประจำวันอย่างนี้ อย่างคนโบราณที่ทำกัน เพิ่นก็จะแต่งดากันเป็นประจำ ไม่ให้ขาด คือการทำไม่ขาดนี่คือเราทำไม่มากแต่เราทำไม่ขาด มันก็มากขึ้นไปเองเรื่องของบุญ ท่านเปรียบเหมือนกับว่า ฝนตกแต่ละเม็ดลงในโอ่งใหญ่ๆ คือเรื่องทำบุญก็เหมือนกัน ท่านว่าเรามีน้อย เราใส่ที่เรามีตามฐานะ ที่เราหามาได้ด้วยความบริสุทธิ์ เราใส่เท่าไรก็เป็นบุญมากเพราะว่าเหมือนเม็ดฝนแต่ละเม็ดที่ตกลงในโอ่ง มันตกทีละเม็ดแต่มันตกตลอดทั้งวันทั้งคืนมันก็เต็มโอ่งใหญ่ๆได้ นี่ท่านเปรียบเทียบภายนอกให้เราเห็นการทำบุญ การทำบุญของเรามันก็สมบูรณ์ขึ้น

แต่บางคนนี่ เออ ก็คิดไปอย่างหนึ่ง ก็คิดไม่รู้จักผลบุญ หรือบางทีก็ไปทำลายบุญตัวเองอย่างนี้ หรือว่าไปทวงบุญว่าทำบุญแล้วมันไม่เห็นเป็นบุญ มันไม่เห็นอะไรมาช่วย อันนั้นท่านบอกเป็นความคิดผิด เรื่องบุญที่เราทำถูกต้องนี่ ให้ผลอย่างเดียวคือให้ความสมบูรณ์ ให้ความถูกต้อง ให้ความอิ่ม ให้ความเต็ม ท่านจึงเรียกว่าบุญ ท่านแปลเป็นความหมายหลายอย่าง ถ้าเรารักษาอารมณ์อย่างนั้นไว้ตลอดน่ะ เราจะได้รับผลบุญเห็นบุญ ท่านยกตัวอย่างสมัยครั้งพระพุทธเจ้าของเราน่ะที่เรียกชื่อว่านายบุญ ที่มีในพระไตรปิฎก ที่เป็นชาวนาไถนาจะปลูกข้าวน่ะ ทำบุญกับพระอริยเจ้า พระสารีบุตร พระอัครสาวกของพระพุทธเจ้า แล้วก็บุญให้ผลเร็ว พอไถนายังไม่กี่ชั่วโมง ก้อนขี้ไถทั้งหมดเป็นทองคำทั้งหมด ท่านก็ยกตัวอย่างมาสอนพวกพุทธบริษัทหรือศรัทธาญาติโยมที่คนเกิดมาสุดท้ายภายหลังให้มีความเชื่อในการทำบุญ แล้วก็เคารพในบุญให้ถูกต้อง ก้อนขี้ไถแผ่นดินธรรมดานี่กลายเป็นทองคำทั้งทุ่ง เป็นทองคำจริงๆ ท่านว่าอย่างนั้น เพราะตัวเองก็ไม่รู้ว่าเป็นทองคำ เข้าใจว่ากินข้าวผิดเวลาแล้วเกิดลมหน้ามืดตาลาย พอไปดูจริงๆมันเป็นทองคำทั้งทุ่ง ต้องไปแจ้งพระเจ้าปเสนทิโกศลเพื่อจะมาควบคุมทรัพย์อันจำนวนมาก เพราะนาทุ่งใหญ่ๆเป็นทองคำหมด นั่นน่ะผลบุญที่ออกผลในพระพุทธศาสนา เป็นไปตามนั้นน่ะทีนี้ เป็นทองคำจริงๆไม่ใช่ว่าเป็นลมตาลาย เป็นตะคริว ไม่ใช่ เพราะว่าผลที่ได้รับจากพระท่านไปเมตตา ท่านเป็นพระผู้บริสุทธิ์ ท่านมีบุญที่จะแผ่ให้ได้ ด้วยความรวดเร็วหรือด้วยความเต็มที่อย่างนี้ ก็เห็นผลขึ้นมาหละทีนี้ 

อันนี้เป็นตัวอย่าง ตัวอย่างพวกเรา เราไม่ได้เป็น แต่ก็เราจะเห็นผลแต่ละคน ถ้าเรามีศรัทธาเคารพหรือตั้งจิตไม่ให้จิตคิดทางบาปหรือว่าคิดไปตำหนิบุญที่เราทำ หรือว่าไปทวงบุญที่เราทำว่าทำไมมันไม่มาช่วยเราอย่างนี้ มันไม่ใช่ บุญเป็นของดีที่สุดในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมาก็อาศัยบำเพ็ญบุญ สร้างบารมี ๓๐ ทัศน์สมบูรณ์มา จึงได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แต่พวกเราในสมัยนี้เราก็ห่างไกลมาตั้ง ๒๕๕๑ ปี การทำบุญก็ยังทำความสมบูรณ์ให้แก่เราผู้ทำอยู่ทุกคน ถึงทำมากทำน้อยอย่างใส่บาตรพระตุ๊เจ้าอย่างเนี้ย ท่านก็รับหมด ท่านไม่เลือกว่า เออ อันนี้ทำน้อยไม่เอา หรือว่าอาหารท่านก็ไม่ตำหนิ ท่านก็รับแล้วก็ท่านก็เอามาใช้มาฉันบริโภคให้เราได้รับผลบุญ อันใดเป็นสิ่งที่เราปฏิบัติเป็นกิจประจำวันอยู่ทุกวัน พระท่านก็เดินปฏิบัติทุกวันที่นี่ 

เหตุนั้นบุญของอำเภอตำบลแม่แตงเราจึงได้เป็นตำบลใหญ่ และก็การทำบุญของพวกเราแต่ละวัดทั้งหมดในหมู่บ้านเนี่ย ก็มีวัดกันครบหละทีนี้ มีทั้งวัดบ้านและวัดปฏิบัติ อย่างวัดป่าหมู่ใหม่เราเป็นวัดปฏิบัติอะไรอย่างเนี้ยแล้วเราก็อยู่กันมาคุ้นเคย อย่างสมัยหลวงพ่อครูแก้วอย่างนี้ กับหลวงพ่อก็ท่านก็นับถือมาก ที่ท่านจากไป ก็เคารพนับถือกัน นี่เป็นเรื่องที่ว่าการทำบุญในพระพุทธศาสนา หรือว่าศาสนาช่วยโลกได้ อย่างตัวอย่างที่ว่าผลบุญที่เราได้รับนั่น แล้วอีกอย่างหนึ่งการปฏิบัติกับพระพุทธศาสนาเรามีครูบาอาจารย์ฝ่ายปฏิบัติได้มาอยู่ ได้มาอบรมสั่งสอนเรา อันนั้นก็เป็นบุญอีกส่วนหนึ่ง ท่านเรียกว่าเราได้ยินได้ฟังคำสอนของท่านก็เรียกว่า ธัมมสวนมัย คือบุญเกิดจากการได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า จากท่านผู้ปฏิบัติอย่างนี่ ก็เป็นที่มาของบุญของพวกเราทั้งหลาย 

แล้วนอกนั้นสถานที่ที่มีความสงบสงัดมีป่าธรรมชาติที่สมบูรณ์ด้วยการที่รักษาบำรุงส่งเสริมมาตลอด อย่างทุกวันนี้เราก็จะรู้ข่าวว่าวัดป่าหมู่ใหม่ เค้าก็จะรู้กันไปทั่วประเทศไทยหละคราวนี้ ว่ามีความแตกต่างเป็นวัดป่าที่รักษาธรรมชาติได้มากอย่างนี้ อันนี้เป็นเรื่องความดีที่อยู่กับที่ที่พวกเราเห็นกัน ที่พวกเราได้เป็นเจ้าของทุกคน คือไม่ใช่ประจำหมู่บ้านไหน เป็นวัดของประเทศไทย เป็นวัดของจังหวัดเชียงใหม่ภาคเหนือทั้งหมด ทั่วไปถึงภาคอีสานภาคอื่นด้วย แล้วก็มีญาติของหลวงพ่อด้วย แล้วเขาก็ขอให้ไปอยู่อีสาน หลวงพ่อก็ยังไม่ไปยังพักอยู่ อันนี้ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่เราได้ทำบุญติดต่อเนื่องกันมายาวนาน แต่ละบ้าน ก็ได้มาทำบุญมาถวายสังฆทานได้มาดูสถานที่กัน น้อยคนที่ไม่ได้มา ถ้าเปรียบตัวอย่างทางฝ่ายโน้น ฝ่ายทางตำบลอินทขิลยังแตกต่างกันมากเลย อย่างวัดท่านพระอาจารย์เปลี่ยนนี่ หลวงพ่อเคยจำพรรษาเมื่อ๒๕๑๐ ตอนขึ้นมาอยู่ได้สองปี ก็มีคนใส่บาตรแค่เจ็ดคนน่ะ บ้านปงบ้านใหญ่ๆ ก็มีแค่นั้นน่ะ หมู่บ้านเค้าเป็นตั้งหลายร้อยเกือบพันหลังคามั๊ง บ้านปงบ้านทางนั้นน่ะหางดงน่ะ มีคนศรัทธาใส่บาตรแค่เจ็ดคนประจำ แต่ก็พออิ่มพอฉันอยู่ แต่ว่าบ้านเยอะแต่คนใส่น้อย แต่ว่าทางตำบลแม่แตงเรานี่ทุกหมู่บ้านที่ตุ๊เจ้าพระไปบิณฑบาตร ก็จะใส่บาตรกันเต็มทุกๆสาย ก็ยังดูว่าความแตกต่างกัน อำเภอเดียวกัน ต่างตำบลต่างเขตกันแค่นี้ ใกล้กันอยู่ก็ยังต่างเลย เพราะความศรัทธาของผู้คน

อันนี้เป็นสิ่งที่ให้เรามีความภาคภูมิใจในบุญที่พวกเราได้ปฏิบัติกับวัดกับพระพุทธศาสนา ก็เป็นการอบรมจิตใจในการทำบุญให้ลูกให้หลานของพวกเราได้เห็นไว้ คือเป็นการสอนโดยภาคปฏิบัติ คือการสอนด้วยสาธิตหรือว่าปฏิบัติให้เห็นว่าการทำบุญนี้เป็นการที่บำรุงรักษาเชิดชูประเทศชาติศาสนาให้ดำรงอยู่ได้ตลอดมาถึงเกี่ยวข้องมาถึงในหลวงของพวกเรา ก็มีความห่วงใยและอาศัยบุญปกครองประเทศมาตลอด เราก็จะเคยได้ยินข่าวประจำวันทุกคนน่ะ ท้ายที่สุดในหลวงก็ต้องมีโอวาทให้โอวาทในตอนท้ายทุกครั้ง เค้าก็เรื่องการทำบุญ ยกตัวอย่างในหลวงก่อนว่าให้ฝึกให้เตรียมตัวจากนี้ไปให้ใช้เศรษฐกิจเพียงพออย่างนี้ เพราะในหลวงท่านมีบุญมาก มองเห็นไกล เรายังไม่เชื่อเพราะว่ามันเริ่ม มันยังไม่นาน มันเป็นแต่เพียงว่ามีความรู้สึกที่จะเตือน ยังไม่ถึงที่มัน แต่ถ้าคนไปปฏิบัตินี่ก็จะถูกต้อง เพราะว่าต่อไปในอนาคตก็จะเป็นอย่างนั้น ปัจจุบันที่เราเป็นอยู่ก็เป็นอย่างนี้ เราก็บ่นกันอยู่ว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับหลายๆอย่าง ปัจจัยภายนอก วัตถุเครื่องอุปโภคสถานที่อยู่จำนวนประชากรอย่างนี้ เราก็รู้กันว่าต่างไปหมด มันก็เป็นไปตามโลกหละทีนี้ 

ฉะนั้นถ้าเราไม่แก้ไขไปตามโลก เราจะเอาแบบที่เคยเจริญมา เคยเหลือล้นมาอย่างนี้ไม่ได้ เราจะต้องลดลง เราจะต้องปรับให้เข้ากับสภาพกับฐานะความเป็นอยู่ หรือสิ่งที่เราไม่จำเป็น เราก็ต้องงด อันนี้เป็นธรรมดา แต่สำหรับชาวบ้านเราก็สิ้นเปลืองกว่าพระที่ปฏิบัติอยู่แล้ว เพราะเราต้องทำงานใช้กำลังกายต้องเหนื่อยต้องกินข้าวหลายมื้อ ถ้าอย่างงั้นมันก็ไม่ไหว เพราะกำลังกายนี่เป็นตัวที่จะสร้างสรรค์สร้างสมบัติทั้งหลายมาเป็นเครื่องอยู่กันทุกคน ถ้าเรามากินข้าวมื้อเดียวอย่างตุ๊อย่างพระนี้ก็ต้องมาภาวนาอย่างนี้ เหตุนั้นชาวบ้านเราเป็นฆราวาสเราจะต้องทำงานออกกำลังจะต้องเหนื่อย จะต้องกินเพื่อให้มีการทำงานได้รับผลอะไร มีพลังร่างกายช่วยทำงานหารายได้เต็มที่ คือการเลี้ยงชีวิตด้วยตัวเราเอง ฉะนั้นเมื่อเราเข้าใจเรื่องนี้ เราก็รู้จักแก้ไขส่วนเฉพาะตัว ส่วนเฉพาะครอบครัวของใครของมันแล้วก็สอนลูกสอนหลานแต่ละคน 

ฉะนั้นเมื่อคนเมื่อก่อนนี้ไม่ค่อยมีโรงเรียนอย่างสมัยนี้ ยังไม่เจริญ ยังไม่มีครูสอน มีแต่พ่อแม่สอนลูกสอนหลานแต่ละครอบครัวกันเอง อย่างหลวงพ่อก็เหมือนกันสมัยก่อนก็ยังไม่ได้เข้าโรงเรียน พ่อก็สอนที่บ้านก่อนที่จะเข้าโรงเรียนอย่างเนี้ย ก็ชั้นประถมก็จบไปจากพ่อก่อน พอไปเข้าโรงเรียนก็ไม่ยากเพราะมันเป็นได้หลักอักษรอะไรหมดแล้ว อันนี้สมัยนี้เราไม่ได้ทำกัน เพราะเด็กก็ปล่อยให้อนุบาลหรือให้ใครคนอื่นไปเลี้ยงไปสอนให้อะไรอย่างเนี้ย เมื่อไม่กี่วันนี้ก็มีคนเอาเด็กมาฝากคนหนึ่งอายุ ๑๑ ปี เสียมาก พ่อเค้าก็ไม่มีทางที่จะช่วยได้ ก็เอามาฝากอยู่ได้สามสี่วันก็หนี แล้วก็เอาไปส่งที่ลำพูนไปแล้ว เค้าบอกว่าเด็กมันช่วยไม่ได้แล้วไม่มีทาง เพราะว่ามันเล่นเกมมันติดเกมแล้วมันไม่เอาอะไรเลย แล้วมันทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ เหมือนนักเลงเหมือนอะไร แค่อายุ ๑๑ ปีนะ เอาหนังสือให้ก็วิ่งหนี ไม่อ่านไม่ดู มันก็เป็นตัวอย่างให้เราเห็น 

เหตุนั้นเรานึกถึงอดีตที่ผ่านมาทุกคนก็จะมีความทรงจำเหมือนกันว่ามันเจริญในทางปฏิบัติทางธรรมมาก่อน เพราะโลกเปลี่ยนแปลงมาเป็นทางวิทยาศาสตร์ สิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นมาหรือว่าการฝึกการสอนการเลี้ยงดูการปฏิบัติต่อครอบครัวก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนหละทีนี้ ก็ทำให้เรามีความเดือดร้อน เพราะว่าสมัยก่อนท่านปฏิบัติกันถูกต้อง ท่านก็สมบูรณ์อยู่เย็นเป็นสุข เรียกว่าไม่มีเรื่องกระทบกระเทือน ไม่มีการอดอยาก ไม่มีการถกเถียงด่าว่ากัน ไม่มีการปะทะประท้วงกันเมื่อก่อน เพราะเดี๋ยวนี้ก็เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงเสื่อมโทรมให้เราเห็นอย่างนี้ มีแต่ทางศาสนาทางธรรมะเท่านั้นแหละที่จะไประงับคือความสงบนั่นแหละ 

อย่างในหลวงอย่างเนี้ยคือระงับด้วยความสงบคือนิ่ง ไม่ต้องใช้คำพูด ถ้าใช้คำพูดแล้วก็ไม่จบซักทีหละทีนี้ เพราะต่างคนต่างก็มีคำพูดเกิดขึ้นผุดขึ้นเหมือนน้ำแร่น้ำพุร้อนอย่างนี้ มันไม่นิ่งซักที มันยิ่งร้อนใหญ่ อย่างน้ำพุร้อนน้ำที่ไหนก็เหมือนกัน ถ้าเป็นน้ำสงบน้ำนิ่งๆอย่างเราเอาไว้ในแก้วหรือในขวดอย่างเนี้ย มันก็สงบนิ่งหรืออยู่ในตู้เย็นอย่างนี้ มันก็จะนิ่งแล้วมันก็จะเย็นฉ่ำ กินสบายใจเรา คราวนี้ถ้าไม่อาศัยความสงบ อาศัยพระพุทธศาสนาเข้าไประงับมันก็ยาก มันก็เดือดร้อนมันก็ไม่นิ่ง 

ดังนั้นการทำบุญด้วยความสงบอย่างที่ใส่บาตรอย่างนี้ ทำด้วยความสงบ บางทีการใส่บาตรอย่างนี้บางคนก็ไม่ค่อยเข้าใจ เพราะคนไม่ได้ใส่ประจำบ้าง ถ้าคนใส่ประจำก็เข้าใจหละ รู้จักเพราะว่าทำทุกวัน อันนี้อย่างสมัยแต่ก่อนนี่ หลวงพ่อมาอยู่ก็บางคนเค้าก็ขอพร เค้าใส่บาตรแล้วเค้าก็นั่งขอพร ทีนี้พระท่านก็เกรงใจ ท่านก็มีความรู้สึกเพราะว่าการบิณฑบาตรแต่โบราณนี่ไม่ได้ให้พร คือท่านรับด้วยความสงบ ท่านเอาจิตเมตตาด้วยความสงบแล้วท่านก็รับแล้วท่านก็เดินไป แต่ทุกวันนี้เค้าก็ทำกันทั่วประเทศหละทีนี้เพราะตัวอย่างมันกระจายทั่วไป ทีนี้พระท่านเกรงใจไม่กล้าจะพูด โยมก็บอกว่า เออ ทางชลประทานหัวป่าห้าเราจะไปให้ เปลี่ยนทางกันไปห้วยเฮี้ยซะ เราจะสอนเค้าให้ บอกว่าทำไมไม่ให้พร ที่ไม่ให้พรเพราะว่าเอาแบบพระพุทธเจ้ามาใช้ ถ้าให้พรแล้วมันผิดวินัยของพระข้อหนึ่ง วินัยพระปาติโมกข์พระมีข้อหนึ่งที่ว่ายืนให้พรแล้วโยมก็จะไม่ได้บุญก็เป็นบาป แทนที่ให้พรเป็นบุญแต่ท่านกลับมาเป็นบาป เพราะว่าผิดพระวินัย ดังนั้นท่านจึงให้บอกว่าให้มารับพรที่วัด ถ้าคนไหนจะเอาพระ หรือคนไหนจะเอาพรวันเกิด อย่างบางคนก็ตรงวันเกิดตัวเองใส่บาตรอย่างนี้ ก็ต้องเอาเก้าอี้มาให้ท่านนั่ง แล้วก็นั่งรับพร แต่ถ้าว่าตุ๊เจ้ายืนปันพรแล้วโยมนั่งอย่างนี้ ท่านบอกว่าผิดวินัยในเสขิยวัตรข้อท้ายๆก็เลยบอกเค้าให้เขาเข้าใจ ทีนี้เขาก็เข้าใจกันหมดหละทีนี้ แต่วัดอื่นเค้าก็ยังทำอยู่ บางทีพอมหาเปรียญเค้าเรียนสูง จบประโยคสูงเค้าก็ไม่รู้ความหมายเค้าก็ทำอยู่ แต่หลวงพ่อก็ทำตามหลักพระวินัยที่ว่ามันไม่ถูก ก็เลยบอกว่าต้องรับด้วยความสงบนิ่ง แล้วก็แผ่เมตตาจิตแล้วก็รับต่อไป อันนั้นเป็นบุญที่เกิดจากการบิณฑบาตร ถึงไม่ต้องให้พรเพราะว่าท่านเมตตาทางจิตแล้ว ก็ยิ่งเป็นบุญอันที่ถูกต้อง 

เพราะฉะนั้นคนไม่เข้าใจก็ เอ้อ บางทีไม่ได้บุญเพราะตุ๊เจ้าปันพรให้ แค่อย่างนี้ก็เป็นข้อสงสัยของคนทำบุญที่ไม่เคยปฏิบัติ จะต้องได้ขอพรก่อนถึงจะได้บุญ ก็ที่สาขาอื่นก็เคยมี พอตอนนี้สาขาหลวงพ่อมีถึง ๒๐กว่าแห่ง ที่เขาไม่รู้ ตุ๊เจ้าเขาก็เกรงใจไม่กล้าบอก เค้าก็ว่ากัน ฉะนั้นเราที่นี่เราเข้าใจกันหมด คือท่านก็จะเดินแบบรับด้วยความสงบและท่านก็เดินต่อไปแต่ท่านก็เมตตาให้พรตามแบบของพระพุทธเจ้า อันนี้มันถูกต้องทางพระวินัยและก็ไม่เป็นบาปเพราะว่าเป็นบุญที่ว่าไม่ผิดในวินัยที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ หรือบางทีท่านว่ายืนต่อยืนก็ได้ แต่ส่วนมากโยมเคารพพระมากก็มันก็ไม่กล้ายืน แต่จะต้องให้มีเก้าอี้นั่ง ก็เลยเข้าใจกันจากนั้นมาวันนี้ก็เป็นการทำเป็นนิจหละทีนี้ ถึงพระองค์ไหนมาท่านก็เดินสบายเพราะว่าท่านให้พรในจิตสงบไปในตัว 

แล้วพรไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องบุญ ถ้าพูดถึงเรื่องพรที่ให้โยมเป็นประจำคือเป็นธรรมนี่แหละ เรียกว่าท่านถือว่าเป็นการแสดงธรรมไง ที่ว่าผิดวินัยก็เพราะว่ามันเป็นการแสดงธรรม คือการให้พรมันไม่ใช่ว่าเป็นการให้บุญ เป็นการแสดงธรรมให้ อย่างที่ว่าให้มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ อย่างความหมายของพรว่าอย่างนั้น คือเป็นการสอนไปในตัวให้เราได้รู้จักว่าถ้าเราได้ทำบุญอย่างใส่บาตรใส่ปัจจัยครบทั้งสี่อย่าง เราก็เจริญด้วยทรัพย์สิน ด้วยอายุวรรณะ ทุกสิ่งทุกอย่าง ผลบุญก็จะให้ผลแก่เราทุกคน ความหมายท่านมีความหมายอย่างนี้ จึงว่ามันไม่ใช่เป็นชื่อของบุญ หรือว่าเป็นคำว่าบุญ เป็นคำสอนต่างหาก ที่ท่านให้พรแต่ละครั้ง คือสอนแบบเป็นภาษาบาลี ถ้าแปลเป็นภาษาไทยภาษาเมืองก็เรียกว่าคือให้เจริญรุ่งเรืองหรือว่าให้พรกันแบบว่าขอให้อายุมั่นขวัญยืน ให้ทำมาหากินสะดวกคล่องแคล่วร่ำรวยอย่างนี้ แต่ว่าไม่ใช่บุญ เป็นคำพูด 

บุญจริงๆนี่เกิดอยู่ในจิต อยู่ในเจตนาในความสงบนู่น ส่วนต้นบุญตัวบุญที่มาของบุญน่ะ อย่างที่ว่านายบุญที่หลวงพ่อยกตัวอย่างว่าก้อนขี้ไถทั้งทุ่งเป็นทองคำทั้งหมด ก็เลยให้ชื่อว่านายบุญ มาในพระพุทธศาสนาในพระไตรปิฎก มาเป็นประวัติตัวอย่างของชาวพุทธเราว่า ชาวพุทธไม่ได้มีสมบัติไปแจกจ่ายให้เหมือนศาสนาอื่น แต่ท่านช่วยชาติบ้านเมือง ช่วยพุทธบริษัทศรัทธาญาติโยมผู้นับถือให้ได้มีความอุดมสมบูรณ์กัน ทั่วถึงกันทุกภาคที่ถือพุทธและก็ทั่วประเทศที่ถือพุทธด้วย แต่ทุกวันนี้เราก็รู้ข่าวว่าพุทธก็แผ่กระจายไปทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยเรา หลายประเทศที่เจริญอยู่ก็เพราะเป็นเรื่องพุทธศาสนาได้ช่วยในส่วนบุญนั่นน่ะ คือหลักของบุญที่เกิดจากจิตศรัทธาจริงๆ เพราะว่าที่พึ่งภายนอกเราก็พอมี เพราะส่วนบุญที่พึ่งท่านถือว่าเป็นที่พึ่งภายใน ทุกคนก็อยากเป็นที่พึ่งทางใจ เพราะที่พึ่งทางใจนี้เป็นที่พึ่งที่แน่นหนามั่นคงและก็ยั่งยืน ถึงเราตายจากชาตินี้ไปเกิดชาติหน้าอีก กุศลผลบุญที่เราเก็บสะสมรวมไว้ที่ใจก็ตามส่งผลไปตลอดหละทีนี้เหมือนที่ว่าน้ำหยดลงในตุ่ม มันหยดลงทีละเม็ด ห่างๆนานๆ ซักหยดนานๆมันก็เต็มโอ่งได้ 

ถึงการทำบุญที่พวกเราทำอยู่กับพระพุทธศาสนา บุญที่เราทำประจำคือบุญบิณฑบาตรนี่ก็ถือว่าเป็นบุญที่หนึ่งของพระพุทธศาสนา ที่ว่าที่หนึ่งเพราะอะไร เพราะว่าเป็นกิจของพระพุทธเจ้าตั้งแต่พระพุทธเจ้ามีพระชนม์ชีพอยู่ ก็จะต้องออกบิณฑบาตร เหมือนเราที่เราเป็นชาวบ้านเหมือนกัน กิจชั้นหนึ่งเราก็คือต้องเตรียมนึ่งข้าวหุงข้าวก่อนอย่างอื่น ก่อไฟก่อน แต่เดี๋ยวนี้มันเจริญ ก็มีไฟฟ้ามีอะไรทำการพัฒนาไปมันก็เร็วขึ้น ก็เหมือนกันกับว่าพุทธศาสนากับโลกก็เลยเป็นคู่กันมาแล้วก็ตรงกันด้วย เพราะญาติโยมจะต้องเตรียมจะต้องใช้เวลาก่อน ลุกก่อน ตื่นก่อนกว่าข้าวจะสุกอย่างเนี้ย กลัวจะไม่ทันใส่บาตรเพราะว่าพระท่านก็ให้เวลา บางคนนี่ถ้ายังไม่ใส่บาตรก็ไม่ยอมกินเพราะว่ากลัวจะไม่ได้บุญมาก แน่ะ! อย่างนี้ หรือบางทีลูกหลานอยากกินก็ไม่ให้กิน ต้องให้เอาไปใส่บาตรก่อนเพราะว่าเคารพในบุญ ให้ส่วนวัตถุที่เราทำนั้นไม่มีของเสียเก่า ให้เป็นของใหม่ของดี ไม่ให้มีรอยเรียกว่าคนเมืองเรียกว่าขี้ซากน่ะ คือเอาของใหม่ๆ ทำสุกใหม่ๆ ทำให้ดีด้วยความศรัทธาเลื่อมใสด้วยใจที่หวังผลบุญ 

อันนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะให้เราได้พึ่งบุญที่ว่า เออ ใจเราอยู่ด้วยบุญจริงๆ คือบางครั้งบุญไม่มีตัวแต่ก็ยังดูได้ว่ามีผลออกมา ความแตกต่างที่ว่าบุญมากบุญน้อยอย่างเนี้ย เราก็ไม่เห็นตัวมันแต่ว่าเวลามันให้ผลก็จะเห็น ว่า เอ้ คนนี้เค้าก็ไม่ได้ทำมากแต่เค้าก็มีผลบุญอะไรช่วยเค้าได้เยอะ ก็เพราะว่ามันเกิดจากจิต เกิดจากตัวเจตนานั้นมันให้ผล มันมากมันน้อยอย่างนี้ ก็อย่างตัวอย่างนายบุญอย่างนี้ แล้วก็ไม่มีคนอื่นที่จะทำได้อย่างนายบุญอีกในพระพุทธศาสนา ก็เป็นบุคคลตัวอย่างคนเดียวนั่นน่ะตลอดมา คนอื่นทำก็เป็นบุญไปเหมือนกันแต่ว่ามันไม่เท่า เพราะว่าได้มากได้น้อยต่างกันอย่างนั้น เพราะว่าด้วยพลังบุญ ด้วยคุณศีลธรรมบารมีธรรมของพระสารีบุตร พระอัครสาวกผู้ท่านมีความบริสุทธิ์ไม่มีกิเลส เป็นผู้ที่มีจิตใจใสสะอาดบริสุทธิ์ มีบุญเต็มเปี่ยมเหลือล้นแล้ว ก็เลยได้ เหมือนน้ำล้นโอ่งล้นถังแล้วนี่ มันไม่บกพร่องแล้ว

ฉะนั้นเรื่องการที่เราได้บำรุงพระพุทธศาสนา หรือการที่เราได้มาอบรมทำคำสอนพระพุทธเจ้าในทางปฏิบัติ เราจะได้เข้าใจปฏิบัติแก้ความคิดความเห็นผิดบางอย่าง อย่างที่ว่าบุญเข้าต้องปันพรไปทุกคนๆอย่างนี้ โห กว่ามันจะเสร็จนี่มันก็เสียเวลาถ้าคนเยอะๆนี่ หลวงพ่อเคยไปบิณฑ(บาต)ที่แม่สายกับท่านวิชัย ท่านเป็นสายทางให้พรหละ ท่านบอกว่าท่านอาจารย์ไม่ต้องให้หรอก ผมให้คนเดียว โอย แม่สายมันอำเภอใหญ่ คนใส่หลาย กว่าจะมาถึงวัดมันจะเก้าโมงสิบโมงแล้ว มันหลายคนมันก็ให้ไปจะยืนรอกันไปอย่างนั้นน่ะ นั่นหละท่านบอกว่าพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ทำอย่างนั้นนี่ ครูบาอาจารย์ที่หลวงพ่อได้บวชได้ฝึกนี่ท่านก็รับไปด้วยความสงบและมันก็ไม่เสียเวลา ท่านก็เมตตาอธิษฐานจิตให้ตลอดหละทีนี้ เป็นบุญกันไปเหมือนกันหมดหละทีนี้ คือไม่ต้องว่าพรก็เป็นบุญ เพราะว่ามันเกิดก่อนพรแล้วบุญน่ะ ส่วนพรนั้นมันเกิดทีหลัง

ทีนี้คือเป็นคนที่เข้าใจหลักบุญที่เกิดจากความสงบทีนี้ เกิดจากการที่ไม่ใช้ภายนอก ใช้ภายในเป็นหลักและก็เป็นการที่ฝึกอบรมจิตให้เรามีสมาธิด้วย คือจะเป็นพลังของสมาธิต่อไปด้วยหละทีนี้เพราะว่าเราฝึกไปบ่อยๆ ฝึกประจำเข้ามันก็บุญก็จะอยู่ข้างใน ไม่ไหลไม่หลงออกมาข้างนอกหละทีนี้ มันจะเห็นบุญในใจตัวตลอด จะต้องใช้ความสงบ อย่างที่พวกฝึกมา ฝึกปฏิบัติธรรมที่นี่ก็เหมือนกัน ก็จะต้องมาอยู่ด้วยความสงบกันทั้งหมด ก็ได้ความสงบจากที่นี่ กว่าทุกพงที่ผ่านมาน่ะเพราะว่าสถานที่ก็สงบ และก็สิ่งต่างๆเสียงกระทบ บ้านเราก็อยู่ไกลอะไรอย่างนี้ ถึงสายวัดบ้านหรือไร วัดก็มีศรัทธาเลื่อมใสก็พูดถึงหลวงพ่อเหมือนกันว่าวัดป่าหมู่ใหม่มันไม่เหมือนที่อื่น มันเป็นป่าธรรมชาติมันจริงๆ มันไกลบ้านจริงๆ ท่านบอกว่าบางทีถ้าไม่มีความอดทนก็อยู่ไม่ได้ ก็เดินบิณฑบาตก็ไกล ท่านก็เคยพูดถึงอย่างท่านอนันต์ที่วัดดอนจั่นนี้ ท่านบอกว่ามีความศรัทธาวัดป่าในเชียงใหม่ทั้งหมดนี่ ผมศรัทธาวัดป่าหมู่ใหม่แห่งเดียว เพราะว่าผมไปเห็นกับตัวและมากราบหลวงพ่อที่กุฏิด้วย เพราะวัดอื่นนี่มันไม่สมบูรณ์เป็นป่าธรรมชาติเหมือนหมู่ใหม่ แล้วก็ไกลด้วย บิณฑบาตรถ้าไม่มีความอดทนก็สู้ไม่ไหวท่านว่าอย่างนี้ ท่านก็อยากเอาลูกศิษย์มาฝึกอยู่แต่ก็กลัวว่าจะสู้ไม่ไหว ท่านพูดอย่างนี้ อันนี้เป็นคำพูดที่ออกจากปากด้วยความที่เห็น ด้วยการที่ได้มาเห็นแหละ อย่างครูบาเทืองนี่ก็เคยมา ท่านก็ชมว่า เอ้อ หลวงพ่อไปเลือกที่สร้างที่วัดได้ดี น่าอยู่ร่มรื่นสงบ แต่ตอนท่านมาหลวงพ่อก็ไม่อยู่แต่ท่านมาเที่ยวดู ท่านก็รู้จักเหมือนกัน

ฉะนั้นเรื่องบุญที่เกิดจากความสงบ เป็นบุญภายในเป็นที่พึ่งภายใน เป็นที่พึ่งทางใจของพวกเราทุกคน เรามีชีวิตอยู่ถ้าเรามีความสงบมีที่พึ่งอย่างนี้เราก็มีความที่มั่นคงแล้วเราก็มีความเป็นอยู่ที่ดีทีนี้ ถึงภาคอื่นตำบลอื่นเดือดร้อนวุ่นวายประเทศชาติวุ่นวาย แต่จิตใจเราไม่วุ่นวาย จิตใจเราสงบ จิตใจเรามีหลักธรรมหลักปฏิบัติอยู่ในภายในอยู่ มีที่พึ่งทางใจอยู่ เราก็ไม่เดือดร้อนตามเขาไปหละทีนี้ เพราะว่าที่เขาเดือดร้อนเพราะเขาไม่ได้อบรม เขาไม่ได้รู้เรื่องฝึกตัว ไม่รู้เรื่องที่จะแก้ไขอย่างไร เขาหลงทางภายนอกอย่างนี้ หลงโลกพัฒนาใหม่ หลงวิทยาศาสตร์ที่เจริญเร็วไวเกินไปอย่างนี้ มันแก้ไขไม่ทัน ฉะนั้นเราต้องย้อนหลังถึงอดีตที่เราเกิดมาจนถึงปัจจุบันนี้ ก็จะรู้ได้ว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงมาตลอด มันไม่หยุดนิ่งหละโลกนี้ แต่ว่ามันเปลี่ยนแปลงแบบไม่ใช่ของเก่าแล้ว มันเปลี่ยนแปลงไปในฝ่ายความเสื่อม ไม่ใช่ความเจริญเหมือนที่ผ่านมาหละทีนี้ มันเจริญแต่สิ่งหลอกลวงเท่านั้นแหละ แต่ว่าผลออกมามันเป็นนความเสื่อม คือให้เราเสื่อมทรัพย์สิน เสื่อมการปฏิบัติที่เราเคยทำมาที่เราเคยมีที่พึ่งอย่างเนี้ย การทำงาน การเกษตร การบ้าน การเมืองอะไรก็เปลี่ยนแปลงไป 

ฉะนั้นคือมันทำให้เราเสื่อมทรัพย์สิน เสื่อมสิ่งที่ไม่จำเป็นบางอย่างอย่างนี้ แล้วก็ผิดหลักของคำโอวาทของในหลวงที่ว่าเศรษฐกิจพอเพียงอย่างนี้ มันก็ทำความเดือดร้อนได้อยู่ เพราะว่าเราก็รู้อยู่แล้วว่าเราเป็นญาติโยมเป็นชาวบ้าน เราจะต้องทำมาหากินเอง แล้วก็ปกครองครอบครัวแต่ละคนของใครของมันเอง ถ้าคนไหนไม่คิดเอาหลักธรรมมาใช้ปฏิบัติก็จะเกิดความเดือดร้อน ความวิบัติเกิดขึ้น คือเกิดบาปเกิดความไม่สงบในครอบครัวอย่างนี้ ถ้าเราเอาหลักปฏิบัติธรรมคำสอนพระพุทธเจ้าอย่างที่ความสงบไปใช้ได้น่ะ เราก็จะอยู่เย็นเป็นสุขเหมือนที่ในหลวงที่ให้โอวาทไปอย่างนั้น มันจะอยู่เย็นเป็นสุข มีกินมีใช้มีใกล้บ้านใกล้ตัวเรามีเครื่องของทุกอย่างที่บ้านเมืองเราดินฟ้าอากาศอำนวยให้ การปลูกการสร้างอะไรก็ง่าย มันไม่เดือดร้อนแห้งแล้งเหมือนแห่งอื่น ภาคอื่นที่เค้าเป็นอยู่เค้าลำบากกันมากว่าเราก็เยอะ ก็เป็นอยู่ที่ตัวเราหละทีนี้ 

เหตุนั้นเราได้พระพุทธศาสนามาช่วยเรา ช่วยประเทศชาติบ้านเมืองตลอดถึงความเป็นอยู่ หลักประชาธิปไตยจะมั่นคงก็อาศัยพวกเราเข้าใจธรรมะคำสอนพระพุทธเจ้านี่แหละ ไปปฏิบัติกันทีนี้ ถึงเราไปประชุมไปเป็นฝ่ายบริหารบ้านเมืองอย่าง อบต หรือ สธ อะไรต่างๆ ต้องเอาหลักศีลธรรมพระพุทธเจ้าไปใช้ ถึงจะสงบร่มเย็น ถึงจะอยู่กันเป็นกลุ่มสามัคคี ทำงานร่วมกันมีผลดีต่อหน้าที่การงานกันทุกคน ตลอดถึงศรัทธาบำรุงพระพุทธศาสนาก็มั่นคงไปเหมือนกันหละทีนี้ อย่างที่หลวงพ่อชมว่าทั้งแปดหมู่บ้านอย่างนี้ ก็ใส่บาตรกันทุกบ้าน พระไปสายไหนก็ใส่เต็มบาตร อย่างอยู่บ้านปงนี่จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ก็ยังไม่เพิ่ม คนให้ใส่บาตรแค่สี่คนเกินเจ็ดคน ก็บางทีก็พร่องๆหน่อยๆ แต่ว่าดีมีพ่อนาที่คนเมื่อก่อนเป็นคนมีฐานะ เป็นพ่อนาที่มีนามากกว่า เขาก็ใส่ปั้นใหญ่ก็อิ่มอยู่ ก็ใส่ทานเท่าปั้นส้มโอเนี่ยแหละ เป็นข้าวนึ่งมันก็เลยอิ่ม ถ้าอย่างงั้นมันไม่อิ่มเหรอ ถ้าใส่อย่าง(เสียงไม่ชัด) เขาหยิบใส่เท่าหัวแม่มือนี่ เค้าใส่คนละน้อยๆ ฉะนั้นสิ่งที่เราได้ทำบุญไว้ในท้องถิ่นของพวกเราก็บำรุงพื้นที่ของพวกเรา บำรุงชีวิต บำรุงครอบครัวของพวกเราแต่ละคน อาศัยผลบุญที่พวกเรามีความสามัคคีแล้วก็ทำเป็นประจำอยู่ ไม่ว่าบ้านไหนที่ไหน ท่านเดินไปที่ไหนก็มีคนเตรียมใส่เตรียมรออย่างนี้ 

อันนี้คือเป็นเรื่องพระพุทธศาสนาและบ้านเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่มีส่วนคุ้มครองช่วยเหลือปกป้องบำรุงรักษาไม่ให้เสื่อมไปจากพวกเราหละทีนี้ ภาคปฏิบัติก็เหมือนกันอย่างที่ว่าหน้าที่ของพลเมืองดีมีศีลธรรมก็จะต้องมีหลักอย่างเนี้ย เมื่อก่อนหน้าที่พลเมืองและศีลธรรมที่เอามาเป็นหลักสูตรคำสอนของชั้นประถมมาก่อน ก็คือมีสอนเรื่องพระรัตนตรัย และก็มีสอนศีลห้าให้ มีหลักใหญ่ๆแค่นี้ที่เราจะนำไปปฏิบัติ อย่างเราเป็นชาวบ้าน ถ้าเราปฏิบัติในหลักนี้ได้อยู่ บ้านเมืองเราก็ยังสงบร่มเย็นเป็นสุขเพราะมีทั้งพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ มีทั้งศีล ๕ ข้อ ก็จะคุ้มครองเราได้ทั้งหมดหละทีนี้ ถึงเราทำบาปอยู่แต่ก็ทำได้เป็นส่วนน้อย เพราะศีลธรรมคุ้มครองเราอยู่ เป็นพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ปกครองรักษาอยู่ ก็ทำให้คนโบราณของเราก็อยู่เย็นเป็นสุขมีอายุมั่นขวัญยืนกัน ให้เราได้รู้ได้เห็นกันมาอยู่ 

อันนี้เป็นพื้นฐานของพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้องกับทางโลก เพราะศีล ๕ นี่เป็นศีลสากลของโลก คือโลกทั่วไปหรือว่าศีลอื่นนั้นเป็นศีลที่ปฏิบัติที่สูงไป ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ แต่ศีลพื้นฐานจริงๆคือศีล ๕ ท่านบอก ศีล ๕ ก็เท่ากับตัวเรา ร่างกายของเราทุกคนคือท่านนับว่ามีอวัยวะทั้ง ๕ คือมีแขนสอง มีขาสอง มีหัวหนึ่ง เกิดมาก็มีกันเท่ากันเท่านี้ผู้หญิงผู้ชาย ลูกของใครก็เหมือนกันและก็บอกว่าฉะนั้นศาสนาเกิดขึ้นแล้ว ศีล ๕ ได้มาแต่เกิดทุกคนแล้ว แล้วใครจะปฏิบัติรักษาเอาก็ได้บุญหมดหละทีนี้ ศีลก็ไม่ขาดเพราะมันได้มาครบ สองมือ สองเท้า หัวหนึ่งอย่างนี้หละ เราจะเอาศีลไปรักษาไปปฏิบัติ เราจะเอาไปหัดภาวนาไปปฏิบัติธรรมก็เอาตัวนี้หละ เอาตัวศีล ๕ เนี่ยหละไปเป็นหลักอย่างนี้ 

ฉะนั้นการที่เราเป็นฆราวาสหรือเป็นศรัทธาชาวบ้านอย่างนี้ เรามีพื้นฐานศีล ๕ เป็นนิจ เราก็พ้นจากนรกหละ ไม่ตกนรกหละ เพราะว่าอานิสงส์ของศีล ๕ ท่านก็บอกว่าให้ไปสวรรค์ อย่างที่ท่านให้ท้ายศีลว่า สีเลนะ สุขติงยันติ ศีลให้ผลให้ความสุขแก่ผู้รักษาผู้ปฏิบัติ สีเลนะ โภคะสัมปทา ถ้ามีศีลแล้วก็มีโภคะสมบัติ ไม่เป็นคนทุกข์คนจน ถึงคนจนมารักษาก็จะเกิดเป็นคนมีได้ สีเลนะ นิพุติงยันติ คือศีลจะได้พ้นทุกข์หมดกิเลสอย่างพระพุทธเจ้าของพวกเรา ก็ไปจากศีล ๕ เป็นพื้นฐาน เป็นต้นของศีลทั้งหลาย ศีลมากมายที่ท่านบัญญัติในพระไตรปิฎกถึงสองหมื่นกับหนึ่งพันขันธ์ ก็ไปจากศีล ๕ ตัวเดียวเท่านี้ คือไปจากร่างกายของเราคนเดียวเท่านี้ ที่จะนำไปปฏิบัติให้เกิดผล ให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ ให้เกิดความสงบร่มเย็นทีนี้

ถ้าเรามีกันทั้งหมดอย่างสมัยคนโบราณนี่เค้าไม่มีการเดือดร้อน การประท้วง การว่ากัน การแข่งแย่งกัน ไม่มี! เพราะว่าศีลธรรมนี่เสมอกัน ต่างคนก็ต่างรู้ความเป็นอยู่ความต้องการเหมือนกัน ไม่รู้จะไปขัดกันไปด่ากันไปแย่งกันเอาความทุกข์มาใส่ตัวทำไม ก็ตั้งใจทำหน้าที่การงานให้เต็มที่แล้วก็ดีที่สุดแล้ว มีแต่ความเจริญอย่างเดียวหละทีนี้ แต่ปัจจุบันเรานี่มันเปลี่ยนแปลงไป เราก็แก้ไขยากมากหละทีนี้เพราะว่ามันผิดไปแล้วนี่ เราจะตีกลับมานี่มันยาก แล้วก็คิดเรื่องที่จะแก้ก็ยาก เพราะว่ามันผ่านไปผิดไปมันเลยไปแล้ว ฉะนั้นเราถึงคิดถึงเรื่องว่าเมื่อบ้านเมืองจะเดือดร้อนขนาดไหน ถ้าเรายังมีศาสนาเป็นเครื่องคุ้มครองเครื่องรักษา ศาสนายังไม่เสื่อมหายจากเราก็ยังดับความร้อนได้ ยังระงับความวุ่นวายได้ คือระงับเรื่องสิ่งต่างๆที่มันเกิดขึ้นให้สงบลงได้ ด้วยที่พลังของบุญด้วยพลังของศาสนาด้วยความสงบของจิต ของชาวพุทธเรานะนน่ะคือมีความเมตตา มีความสามัคคี มีความดีที่สร้างมายาวนานตั้งแต่เกิดมาจนถึงแก่ แต่ละคนก็มาก อย่างที่หลวงพ่อว่าบุญที่ไม่เป็นตัวก็คือเกิดที่มีอยู่ในใจแต่ละคน แล้วบุญที่เป็นตัวคือรูปร่างที่เรามองเห็นกัน ก็จะมีอยู่ทุกคนหละทีนี้ มีเรื่องใจบุญ มีรูปร่างที่ได้มาจากบุญที่เกิดมาจากบุญในเบื้องหลังที่ได้สร้างอบรมมา มาในยุคปัจจุบันเรามาเจอวิกฤตการณ์อะไรเกิดขึ้นเราก็จะต้องพึ่งบุญที่เรามีมา เหมือนเราหาเงินมาตั้งแต่เด็กมาจนถึงแก่ เราก็จะได้ใช้เงินที่เราเริ่มต้นทุนมานั่นแหละ แต่ถ้าเราไม่มีมาเลยนี่ก็ลำบากหละทีนี้ เราจะมาคิดหาเอาอย่างที่เราใช้ความคิดอย่างนี้มันเป็นไปยาก 

เหตุนั้นการที่เราได้มาวันนี้ เราก็เลือกสถานที่คือสถานที่วัดป่าหมู่ใหม่ เป็นสถานที่ที่เราไม่เคยจัดและเป็นที่สงบ และผู้ฟังก็ได้ตั้งใจฟังด้วยความสงบก็ได้รับความรู้ความเข้าใจในการอบรมธรรมะเกี่ยวกับความเป็นอยู่ การแก้ไขด้านจิตใจและก็เป็นการที่จะช่วยเหลือให้ประเทศไทยเราได้เข้าสู่ความสงบ แก้ไขวิกฤติการณ์ที่มันวุ่นวายเดือดร้อนกันที่เฉพาะคนชุมชมหนาแน่น แต่ถ้าอย่างวัดเรามันไม่มีอะไรเดือดร้อนหละ แต่ว่าชุมชนหนาแน่นนี่เขาบ่นเขาทุรนทุราย เขาก็ไม่รู้จะทำอะไรกัน แต่ก็ยังดีว่ามีเมตตาไม่ถึงทำลายชีวิตกัน ดังนั้นเราได้มาจัดทำที่นี่ก็เป็นบุญกุศลของพวกเราทุกคน แล้วก็เป็นบุญกุศลที่พวกเราได้อยู่ได้ทำมายาวนานถึง๒๐กว่าปีน่ะ ถ้านับอายุที่มาอยู่ตั้งแต่แรกมาถึงวันนี้ก็ ๒๑ ปี บุญกุศลส่วนนี้ก็เป็นปัจจัย เป็นที่พึ่งทางใจ เป็นที่พึ่งภายในของพวกเราทุกคนที่ได้ทำกับวัดป่าหมู่ใหม่ ทุกคนเป็นเจ้าของ แล้วไม่ใช่ว่าเป็นวัดประจำหมู่บ้านใด วัดหมู่ใหม่ บ้านหมู่ใหม่ก็ร้างไปแล้วอย่างที่เราเห็น ก็เลยเป็นของทำบุญแม่แตงสมบูรณ์แบบแบบนี้ แล้วพวกเราได้เข้าใจทั้งธรรมะทั้งความเป็นอยู่ สภาพของวัด การปฏิบัติของพระสงฆ์ในวัด และศรัทธาที่อุปถัมภ์บำรุงวัด ทุกอย่างอย่างนี้ก็ไม่มีสิ่งที่จะเสียหายเดือดร้อนวุ่นวายเพราะหลวงพ่อเป็นองค์ดูแลหมดทั้งหมด ก็เลยอยู่ในความสงบมาตลอด เราก็ได้บุญจากความสงบที่เราได้ทำมาทุกบ้านทุกที่ทุกคนนั่นแหละเป็นเจ้าของร่วมกัน เมื่อเหตุการบ้านเมืองมีอะไรมาเราก็ช่วยแก้ไข ช่วยเป็นกำลังสามัคคีในฝ่ายส่วนที่เป็นธรรม ในส่วนที่ถูกต้องอย่างนี้ เราก็จะได้รับผลดีอย่างวันนี้ที่เราได้รับการอบรมไป เมื่อเราได้ทำได้ นำไปคิด นำไปพิจารณา นำไปปฏิบัติเทียบเท่าดู เราก็จะได้ความศรัทธา ได้ความปลื้มใจ ได้ความรู้ในทางธรรมะปฏิบัติเข้าเพิ่ม ก็จะเป็นมงคลแก่จิตใจของพวกเราจึงสมกับภาษิตที่อาตมายกไว้นั้นว่า กตัญญูกตเวทิตา อัตตาหิ อัตโนนาโถ เค้าว่าเรามีความดีที่ทำไว้ เรามีความกตัญญูต่อตัวเรา ต่อประเทศชาติบ้านเมืองแผ่นดิน ตลอดถึงในหลวงของพวกเราอย่างนี้ ก็คือว่าเราเป็นคนดีทุกคน คนที่มีกตัญญูก็เรียกว่าเป็นเครื่องหมายแห่งคนดี อัตตาหิ อัตโน นาโถ ถ้าเราปฏิบัติตามถูกต้องเราก็จะเป็นผู้มีที่พึ่งของตัวเองไม่ได้เดือดร้อนคนอื่นหละทีนี้ พึ่งตัวเองได้ตลอด ไม่เดือดร้อนไม่ต้องไปรบกวนคนอื่น ไม่ต้องไปทุกข์ทวงคนอื่น ไม่ต้องไปแย่งในทางที่ผิด ท่านบอกว่าเป็นที่พึ่งตัวเอง ทำที่พึ่งตัวเองได้ นี่แหละเป็นธรรมะที่นำมาอธิบายให้โอวาทแก่พวกศรัทธาญาติโยมทั้งหลายก็พอสมควรแก่เวลา ก็ขอยุติเอวังไว้แต่เพียงเท่านี้